เที่ยวกำแพงเพชรแบบชิว ๆ
ความจริงจังหวัดกำแพงเพชร หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เมืองชากังราว ครอบครัวของผู้เขียนได้เคยไปเยี่ยมเยือนด้วยกันหลายครั้งแล้ว ล่าสุดราว ๆ กรกฎาคม 2557 อ้าว ! ว่าไปก็ครบ 1 ปีแล้วนะครับ วันเวลาดูช่างรวดเร็วว่องไวเสียเหลือเกิน แต่ด้วยความอยากเดินทางท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจนเกินไปนัก เราจึงตัดสินใจกำหนดเป้าหมายการเดินทางแบบชิว ๆ ครั้งนี้กันทันที กล่าวคือ ไปกำแพงเพชร เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 2 สถานที่ คือ พระหลักเมืองกำแพงเชร (ผ่านไปหลายครั้งผู้คนมากมาย จึงได้แต่ภาวนาในใจเท่านั้น) พระบรมธาตุเจดียาราม หรือพระบรมธาตุนครชุมมหาเจดีย์ (ปีที่แล้วกำลังปรับปรุงสภาพแวดล้อม..ไม่สะดวกเท่าใดนัก) และอีกประการหนึ่งที่พลาดไม่ได้ คือ แหนม + ไส้เมี่ยง ของกำแพงเพชร (เรียกน้ำหนักเพิ่มได้มาก ๆ)
ออกเดินทางจากอุตรดิตถ์ 26 ส.ค. 58 เวลา 09.00 น.เศษ โดยรถเก๋ง Honda Civic ไปตามเส้นทาง อุตรดิตถ์ - ศรีสัชนาลัย (ถนนหมายเลข 102) , ศรีสัชนาลัย - สุโขทัย (ถนนหมายเลข 101) และสุโขทัย - กำแพงเพชร (ถนนหมายเลข 101) ตามลำดับ ถึงศาลพระหลักเมืองกำแพงเพชร เกือบ 11.00 น. บรรยากาศการเดินทางเป็นอย่างไร เรามีภาพและเรื่องราวดี ๆ มาฝากกัน
ศาลหลักเมืองกำแพงเพชรเป็นศาลที่เก่าแก่มานานกว่า 700 ปี จะอยู่ก่อนถึงตัวเมืองกำแพงเพชร ล่าสุดได้รับการบูรณะในปี 2550 โดยปรับภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบให้มีความสวยงาม และกลมกลืนไปกับเมืองเก่าที่อยู่ใกล้เคียง รถเกือบทุกคันที่แล่นผ่านจะได้ยินเสียงแตรดังจนเป็นที่คุ้นเคย
ตัวศาลาทรงไทย ที่ประดิษฐานของพระหลักเมือง(เสาหลักเมือง)กำแพงเพชร มองเห็นด้านในเป็นพระหลักเมือง (เสาหลักเมือง) และเศียรเทพารักษ์
ตัวศาลาทรงไทย ที่ประดิษฐานของพระหลักเมือง(เสาหลักเมือง)กำแพงเพชร มองจากด้านข้างจะพบความสวยงามทางด้านศิลปะการก่อสร้าง
พระหลักเมือง(เสาหลักเมือง) และเศียรเทพารักษ์ มองผ่านประตูกระจกได้ทั้ง 4 ทิศ ไม่อนุญาตให้เข้าไปกราบไหว้และปิดทองภายใน
พระหลักเมือง(เสาหลักเมือง) และเศียรเทพารักษ์ มองผ่านประตูกระจกได้ทั้ง 4 ทิศ ไม่อนุญาตให้เข้าไปกราบไหว้และปิดทองภายใน
ทางทิศเหนือของศาลหลักเมือง มีรูปปั้นสิงห์ 2 ตัว นั่งเฝ้าประตูทางขึ้นศาลาทรงไทย ที่ประดิษฐานของพระหลักเมือง(เสาหลักเมือง) และเศียรเทพารักษ์
ข้าง ๆ ศาลพระหลักเมือง(เสาหลักเมือง) และเศียรเทพารักษ์ จะเป็นเสาหลักเมืองจำลอง เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้และปิดทอง
เสาหลักเมืองจำลอง เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้และปิดทอง มองจากทางด้านข้าง
ด้านหลังอาคารเสาหลักเมืองจำลอง จะเป็นที่ที่จำหน่าย ดอกไม้ ธูปเทียนทอง พวงมาลัย และประทัด
หลังจากได้กราบไหว้บูชาพระหลักเมืองและเทพารักษ์ เป็นที่ชุ่มชื่นจิตใจแล้ว คณะของเราได้เดินออกไปทางด้านข้าง เห็นป้ายเขียนบอกไว้เสียค่าเข้าชมท่านละ 20 บาท (อายุ 60 ปีขึ้นไป..ฟรี) จึงได้เข้าไปสอบถามน้อง ๆ ที่ยิ้มต้อนรับอยู่ ทำให้ได้ข้อมูลว่า....โบราณสถานที่อยู่บริเวณเดียวกันกับศาลพระหลักเมืองนั้น คือ วัดพระแก้ว ซึ่งมีความพิเศษตรงที่เป็นวัดหนึ่งที่อยู่ในเขตกำแพงเมืองชั้นใน ซึ่งนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่มักจะพลาดเข้าชมอดีตอันรุ่งเรือง
ภายในมีถนนปูด้วยอิฐสีแดง และศิลาแลง ที่สามารถเดิน หรือปั่นจักรยานได้โดยรอบ...น่าเดินมาก
หลักเสาศิลาแลง หรือหินแลง ตั้งเรียงรายเป็นแถวเป็นแนวแสดงอาณาบริเวณศาสนสถาน
ณ ขณะเวลานั้น มีเพียงคณะของผู้เขียน 3 คน เท่านั้น ที่กำลังเดินชมพร้อมกับวาดภาพกลับไปในอดีตซึ่งก็น่าจะมีความใหญ่โตและสวยงามมากกว่าที่เห็นในปัจจุบัน
วัสดุหลักที่ใช้ในการก่อสร้างโบราณสถาน คือศิลาแลง ซึ่งเมื่ออยู่ใต้ดินจะยังไม่แข็ง ต่อเมื่อถูกนำขึ้นมาใช้ปั้นขึ้นรูป หรือทำให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ปล่อยให้ถูกลมหรือแดดจนแห้งจะมีความแข็งคล้ายหิน สมัยก่อนจึงมีคนเรียกศิลาแลงอีกอย่างหนึ่งว่า "หินแลง"
ส่วนหหนึ่งของพระพุทธรูป ที่ได้รับการบูรณะให้มีความใกล้เคียงสภาพเดิมมากที่สุด
พระพุทธรูปส่วนใหญ่ของบริเวณวัดพระแก้ว คงเหลือแต่เค้าโครงที่เป็นศิลาแลงเท่านั้น
รูปปั้นช้างที่นิยมปั้นไว้บริเวณฐานขององค์พระเจดีย์ บางส่วนได้บูรณะให้เห็นถึงภาพจริงในอดีต
เดินรอบวัดพระแก้วพอเหงื่อซึม ๆ ดูเวลาก็ใกล้เที่ยง..แต่เพื่อให้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ คณะของผู้เขียนจึงรีบเดินทางต่อไปยังวัดพระบรมธาตุนครชุม โดยใช้เส้นทางถนนมหายเลข 101 ถึงหน้าศากลางหลังเก่าเลี้ยวขวาตรงไปข้ามสะพานใหญ่ ข้ามแม่น้ำปิง แล้วชิดขวาเพื่อกลับรถไปใช้ถนนเรียบฝั่งแม่น้ำปิงขึ้นไปทางทิศเหนือประมาณ 400 เมตร เศษ ๆ วัดพระบรมธาตุเจดียาราม หรือพระบรมธาตุนครชุมมหาเจดีย์ จะอยู่ทางด้านขวามือ
วัดพระบรมธาตุนครชุมมหาเจดีย์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เป็นวัดเก่าแก่อยู่คู่เมืองกำแพงเพชรมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ภายในมีศาสนสถานที่สำคัญหลายอย่าง เช่น พระบรมธาตุเจดีย์ภายในบรรจุพระสารีริกธาตุ 9 องค์ ,ต้นศรีมหาโพธิ์ขนาดใหญ่ที่พระยาลิไททรงปลูกไว้ ,พระอุโบสถหลังเก่า ,พระวิหาร ,วิหารพระนอน ,ศาลาเรือนไทย นอกจากนี้ยังมีศาลาการเปรียญที่ใช้เป็นศูนย์วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน เพื่อให้เป็นแหล่งความรู้แก่ชุมชน อีกด้วย
พระบรมธาตุนครชุมมหาเจดีย์ มีรูปทรงสูงใหญ่ สวยงามไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบพม่า และสีทองอร่ามทั้งองค์ นับเป็นพระบรมธาตุเจดีย์ที่อยู่คู่เมืองกำแพงเพชรมาตั้งแต่สมัยเป็นเมืองนครชุมกินเวลายาวนานมากกว่า 600 ปี และยังคงยั่งยืนสืบต่อกันมาเป็นองค์มหาเจดีย์แห่งศรัทธา จวบจนปัจจุบัน
คณะของผู้เขียนเดินทางถึงประมาณ เที่ยงเศษ ๆ อากาศค่อนข้างร้อน และแดดแรงมาก พวกเราตรงเข้าไปยังศาลาด้านข้างขององค์พระบรมธาตุเจดีย์ กราบไหว้บูชาและร่วมบริจาคทรัพย์กับทางวัด พร้อมอธิษฐานขอบุญบารีของพระบรมธาตุ ปกปักรักษาคุ้มครองครอบครัวให้อยู้ดีมีสุข
การตกแต่งยอดฉัตรขององค์พระบรมธาตุเจดีย์ ด้วยแผ่นทองฉลุลวดลายเพิ่มความสง่างามยิ่งขึ้น
อุโบสถหลังเก่าที่ยังมองเห็นร่องรอยของความสวยงาม และที่หลายคนต้องร้องว่า "ไอเดียเจ๋ง" ก็ตรงที่รอบ ๆ อุโบสถจะมีวงบ่อสำหรับปลูกมะนาวไว้เพื่อใช้บริโภค (มะนาวกำลังติดผลจำนวนมาก)
อิ่มบุญไปพร้อมกันแล้ว ออกเดินทางไปหาของรับประทานเพื่อให้อิ่มท้อง โดยย้อนกลับเส้นทางเดิม ถึง 4 แยกหน้าศาลากลางหลังเก่า เลี้ยวขวาแล้วตรงไปจะเป็นถนน Oneway เลยวัดพระเสด็จไปเล็กน้อยก็ถึงเป้าหมายสุดท้าย คือ ร้านแหนมแม่แยง
ร้านแหนมแม่แยง เป็นร้านค้าริมทางเล็ก ๆ ที่ครอบครัวของผู้เขียนต้องแวะซื้อ "แหนม+ไส้เมี่ยง" ทุกครั้งที่ไปกำแพงเพชร เจ้าของร้านใจดีแอบเล่าประวัติให้ฟังว่า ....ไม่ใช่เป็นคนกำแพงเพชรโดยกำเนิด...เป็นคนทางภาคเหนือ...ครับ
การหมักแหนมในโหลแก้ว ถือเป็นเอกลักษณ์ของร้านแหนมแม่แยงโดยเฉพาะ แหนมร้านนี้จำหน่ายกันเป็นกิโลกรัม (ก.ก. ละ 250.-)
ภาพนี้ ถ้าสังเกตุให้ดี ๆ จะเห็นว่าโหลแก้วที่มีแหนมหมูอยู่เต็มโหล...ถูกจับคว่ำไว้...หากสังสัยแวะไปถามได้
ไส้เมี่ยงที่ปรุงพร้อมรับประทานก็เช่นเดียวกัน คือ ใส่โหลแก้วโชว์เพื่อเรียกลูกค้า รับรองว่าอร่อยจริง ๆ
นอกจากจะจำหน่ายแหนมหมูรสเด็ด + ไส้เมี่ยงที่กรอบอร่อยแล้ว ยังมีสินค้าอีกหลายรายการให้เลือกซื้อ
แม่ค้าคิดเงิน ผู้ซื้อกำลังจ่ายเงิน...อิ่มทั้งบุญ และได้ของกินที่ถูกใจ
ก่อนเดินทางกลับ ผู้เขียนและครอบครัว ได้แวะรับประทานอาหารกลางวัน พร้อมพักผ่อนที่ห้าง Big-C ส่วนเส้นทางกลับ ใช้ถนนหมายเลข115 (กำแพงเพชร - พิจิตร) , ถนนหมายเลข 117 (พิจิตร - พิษณุโลก) และถนนหมายเลข 11 (พิษณุโลก - อุตรดิตถ์) พบกันใหม่กับการเดินทางครั้งต่อไป..สวัสดี
ขอบคุณ : ข้อมูลบางส่วนของ http://www.onep.go.th
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น