อาหารและเครื่องดื่มในช่วงฤดูร้อน
ประเทศไทยกับอากาศร้อนเป็นของคู่กัน ดังที่กล่าวกันว่า “เมืองไทยเมืองร้อน” การหาอาหารหรือเครื่องดื่มดับร้อนจึงเป็นวิธีหนึ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่าสามารถช่วยระบายและทำให้ร่างกายผ่อนคลายจากความร้อนได้ ซึ่งตามศาสตร์แผนจีนเองก็มีทฤษฎีนี้ระบุในคัมภีร์รักษา " โรคร้อนดับด้วยยาเย็น โรคเย็นอุ่นด้วยยาร้อน " จากทฤษฎีนี้ทำให้หลาย ๆ คนพยายามแสวงหาวัตถุดิบ หรือวิธีต่าง ๆ มาช่วยในการดับร้อนนั่นเอง
หากดูจาดอุณหภูมิสูงสุดในช่วงปี ประเทศไทยจะมีอุณหภูมิที่ 35-42 องศาเซลเซียส ซึ่งเทียบกับอุณหภูมิประเทศจีนที่ 22-40 องศาเซลเซียส จะเห็นว่าอุณหภูมิของฤดูร้อนในประเทศไทยต่างกับอุณหภูมิในฤดูร้อนของประเทศจีนเพียงไม่กี่องศาเซลเซียส แต่ร้านอาหารในประเทศจีนก็ยังไม่มีบริการเสิร์ฟน้ำแข็งให้แก่ลูกค้าเพื่อดับร้อนแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นคนจีนยังชอบดื่มชาร้อนตลอดปี
ความหมายของทฤษฎีหยินหยาง หากจะพูดให้เข้าใจง่ายจะหมายถึง ความสมดุล หากเปรียบหยินเป็นความเย็น หยางเป็นความร้อน หยินหยางตามศาสตร์แผนจีนจึงหมายถึง " ร้อนเย็นสมดุล " นั่งเอง ร้อนแต่ไม่ร้อนเกินไป เย็นแต่ไม่เย็นเกินไป แต่ต้องมีทั้งความร้อนและความเย็นที่สมดุล ร่างกายจึงจะมีสุขภาพที่แข็งแรงได้
เมืองไทยเป็นเมืองร้อน คนไไทยจึงมักมีนิสัยติดการดื่มน้ำเย็น มิหนำซ้ำน้ำเย็นยังใส่น้ำแข็งลงไปอีก คนไทยชอบอยู่ที่เย็น สังเกตจากบ้านเรือนหรือที่ทำงานมักติดเครื่องปรับอากาศ นอกจากนั้นคนไทยยังชอบรับประทานอาหารและผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น
หากร่างกายได้รับความเย็นมากเกินไปจะเกิดผลอย่างไร ?
นอกจากนี้ " ม้าม " ตามศาสตร์แผนจีนซึ่งหมายถึง ระบบย่อยและการดูดซึมอาหารทั้งหมด ม้ามต้องอาศัยลมปราณหยางเพื่อเป็นพลังในการทำงาน หากเกิดภาวะหยางพร่อง ม้ามก็ไม่สามรถทำหน้าที่ย่อยและดูดซึมอาหารได้ตามปกติ ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ทางระบบย่อยอาหารตามมา เช่น ท้องอืดท้องเฟ้อ เรอบ่อย เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย ถ่ายเหลว เป็นต้น
ดังนั้น การดับร้อนจึงควรอยู่บนพื้นฐานของความสมดุล
1. การดื่มน้ำทดแทนการเสียเหงื่อ
เมื่ออากาศภายนอกร้อนก็จะทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นด้วย ร่างกายของคนเราก็จะมีวิธีการระบายความร้อนออกมาทางเหงื่อ ดังนั้นการจิบน้ำตลอดวันในวันที่อากาศร้อนเพื่อทดแทนเหงื่อที่เสียไป ก็นับว่าเป็นการดับร้อนที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง เพื่อไม่ให้ลมปราณหยางถูกทำลาย ทางที่ดีที่สุดจึงควรดื่มน้ำอุ่น หรือน้ำที่อุณหภูมิห้อง
2.1 ดอกเก็กฮวย สรรพคุณช่วยขับลมร้อน ถอนพิษร้อน รักษาอาการร้อนใน แก้กระหายน้ำ ยังช่วยรักษาอาการนัยน์ตาแห้ง ช่วยปรับสมดุลและลดความดันโลหิตในร่างกาย ชาวจีนนิยมนำมาทำชา
ส่วนผสม ได้แก่ เก็กฮวย 2-4 ดอก น้ำ 1 แก้ว
วิธีทำ 1. นำเก็กฮวยตากแห้งมาล้างน้ำให้สะอาด 2. นำเก็กฮวยที่ล้างแล้วมาชงเป็นชา โดยเติมน้ำร้อยเรื่อย ๆ จิบตลอดวันจนกว่ารสชาดจะจาง
2.2 หล่อฮั่งก้วย นอกจากจะแก้ร้อนในได้ดีแล้ว หล่อฮั่งก้วยยังมรสรรพคุณขับเสมหะ ช่วยให้ชุ่มคอ ช่วยบรรเทาหลอดบลมอักเสบ อีกทั้งยังช่วยต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการเกิดมะเร็งได้อีกด้วย
ส่วนผสม หล่อฮั่งก้วย 1-2 ผล น้ำ 8-10 แก้ว และเก็กฮวย 10 ดอก
วิธีทำ 1. นนำหล่อฮั่งก้วยมาล้างให้สะอาดและบิผลให้แตก 2. นำหล่อฮั่งก้วยที่บิแตกแล้วมาแช่ในน้ำ 8-10 แก้ว ทิ้งไว้ 30 นาที 3. นำขึ้นตั้งไฟต้ม 30 นาที อาจใส่เก็กฮวยลงไปตามใจชอบ จะได้น้ำหล่อฮั่งก้วยที่มีรสหวานโดยไม่ต้องใส่น้ำตาล
2.3 ถั่วเขียว นอกจากช่วยแก้ร้อนในและขับพิษในร่างกายแล้ว ถั่วเขียวซึ่งมีแป้งปริมาณสูง ไขมันต่ำ โปรตีนสูง นักมังสวิรัติจึงมักเลือถั่วเขียวเป็นแหล่งโปรตีน นอกจากนี้ แป้งถั่วเขียวจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ช้ากว่าแป้งชนิดอื่น จึงเหมาะกับคนที่เป็นโรคเบาหวาน (ควรทานในปริมาณที่พอดี) อีกทั้งยังช่วยลดความดันและไขมันในเลือด
ส่วนผสม ถั่วเขียวดิบ 1 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย เกลือป่น 1/8 ช้อนชา และน้ำเปล่า 4 ถ้วย
วิธีทำ 1. ล้างถั่วเขียวให้สะอาดแล้วนำถั่วเขียวไปแช่น้ำประมาณ 4 ชั่วโมง หรือค้างคืนไว้ เทน้ำทิ้ง 2. ใช้ไฟปานกลางต้มถั่วเขียวกับน้ำ 3 ถ้วย 3. เมื่อน้ำเดือดให้ลดไฟลงเหลือไฟอ่อน ต้มไปเรื่อย ๆ จนถั่วเขียวสุกนุ่ม หมั่นคนเป็นระยะ ๆ 4. เมื่อถั่วเขียวบานออกแล้วให้ใส่น้ำตาลทรายแดง และเกลือป่นลงไป คนให้ละลายแล้วต้มต่อไปอีก 5 นาที 5. จากนั้นใส่น้ำลงไปอีก 1 ถ้วย เพื่อให้น้ำใสขึ้น รอจนเดือดอีกครั้ง ปิดเตาและยกลงได้
2.4 เห็ดหูหนูขาว สรรพคุณเสริมบำรุงสารน้ำของปอดเพิ่มความชุ่มชื้น แก้อาการไอที่เกิดจากปอดแห้ง เช่น การไอจากวัณโรคปอด ไอแห้ง ๆ มีเลือดปน นอกจากนี้เห็ดหูหนูขาวยังช่วยบำรุงหัวใจและสมอง และช่วยให้นอนหลับ
ส่วนผสม เห็ดหูหนูขาว 1 ดอก น้ำ 1 ลิตร น้ำตาลกรวด 1 ช้อนโต๊ะ แปะก๊วย 1 ถ้วย
วิธีทำ 1. นำเห็ดหูหนูขาวมาล้างให้สะอาดและแช่น้ำทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง เทน้ำทิ้ง 2. นำเห็ดหูหนูขาวที่แช่น้ำไว้มาสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ 3. ตั้งไฟ นำเห็ดหูหนูขาวลงต้ม เมื่อน้ำเดือดให้ลดไฟลงเหลือไฟอ่อน 4. ใส่น้ำตาลกรวดและแปะก๊วยตามชอบ ตุ๋นต่อประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วยกลงได้
ขอบคุณ : http://www.posttoday.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น