ช่วงวันพ่อไปเที่ยวดอยรับลมหนาว
ช่วงของวันที่ 4-5 ธันวาคม 2557 ผู้เขียนได้พาครอบครัวออกเดินทางท่องเที่ยวโดยรถยนต์ส่วนตัว มีเป้าหมายหลัก คือ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และภูทับเบิก ออกจากที่พัก 06.00 น. เศษ ไปตามเส้นทางสายรองหมายเลข 1143 อุตรดิตถ์ (บ้านแพะ อ.ทองแสนขัน) > อำเภอชาติตระการ > อำเภอนครไทย พอถึงอำเภอนครไทยเปลี่ยนไปใช้เส้นทางหมายเลข 2331 (นครไทย – อุทยานภูหินร่องกล้า – ปากทางขึ้นภูลมโล - ปากทางขึ้นภูแผงม้า – ปากทางขึ้นภูทับเบิก – หล่มเก่า ตามลำดับ)
ขับรถแบบสบาย ๆ ไม่เร่งร้อนเท่าใดนัก อากาศยามเช้าท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดดเจิดจ้า เวลาเกือบ 09.00 น. พวกเราก็เดินทางถึงอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่แล้วไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะเป็นช่วงของวันพ่อแห่งชาติ ออกเดินทางต่อกันครับ...เราผ่านบางจุดท่องเที่ยวเพราะต้องการกระชับด้านเวลา (ถนอมเรี่ยวแรงไว้ก่อนครับ)
จุดแรกที่เราแวะชม
เดินตรงไปด้านล่าง
ต้นสนสามใบข้างทางเดิน
ภรรยาและบุตรสาว
ต้นเฟิร์นที่ชอบอากาศเย็น
ตะไคร่น้ำและราขึ้นตามก้อนหินดูแปลกตา
หนึ่งในสะพานไม้ข้ามช่องหินแตก
มุมหนึ่งของลานหินแตก
อีกมุมหนึ่งของลานหินแตก
ดอกไม้ป่าบนลานหินแตก
ณ บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว..พวกเราหยุดพักรับประทานอาหารเช้าที่เตรียมมากันที่นี่
ดอกไม้ด้านข้างของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
จุดที่ 2 ที่เราแวะเดินวัดกำลัง
เส้นทางเดินแม้จะดูไกล..พวกเราไม่ท้อ
ลานต้นเฟรินที่เขียวตลอดปี
ไม้ป่า ณ ลานหินปุ่มกำลังผลิดอก..หาดูได้ยาก
ไม้ป่าใกล้ผาชูธงที่แสนสวยอีกพันธุ์หนึ่ง
เราเดินไม่ครบทุกจุดย่อย เพราะอ่อนล้ากันมาก ๆ และใช้เวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง ขับรถต่อถึง โรงเรียนการเมืองการทหาร และกังหันน้ำ ทั้ง 2 จุดนี้อยู่ติดข้างทางแวะเข้าชมค่อนข้างสะดวก..ครับ
ณ จุดกังหันน้ำ พักพอหายเหนื่อยบ้าง พวกเราตัดใจไปต่อโดยไม่แวะชมน้ำตกหมันแดง..อ้อ ! เกือบลืมบอกว่าเส้นทางจากจุดกังหันน้ำ – สามแยกเข้าภูทับเบิก กำลังมีการปรับปรุง..โปรดระมัดระวัง ผ่านทางแยกเข้า ภูลมโล (จุดเที่ยวชมดอกนางพญาเสือโคร่ง) และปากทางขึ้นภูแผงม้า ...สังเกตเห็นว่าเส้นทางเละเทะมากไม่ทราบเป็นเพราะอะไร (ขับเคลื่อน 4 ล้อยังคิดหนักเหมือนกัน)
จากทางแยกรูปตัววาย (Y) เข้าภูทับเบิก เส้นทางจะมีขนาดเล็กและแคบกว่าปกติ เราค่อย ๆ ไต่ระดับความสูงขึ้นไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร เลี้ยวขวาขึ้นเนินสูงค่อนข้างชันไปจุดที่พักที่ได้จองไว้ คือ ยิ่งเจริญรีสอร์ท เราจองไว้แบบเตียงคู่ ราคา 2,000.- บาท/คืน
ขณะนั้นเป็นเวลา 15.00 น.เศษ พวกเราใช้พลังกันไปเยอะมากเลยต้องการพักแข้งขา และเพิ่มพลังแก่ร่างกายด้วยการสั่งข้าวผัด 1 จาน พร้อมหมูกระทะ 1 ชุด รับประทานอาหารกันไปพร้อมชมวิว 360 องศา ลมพัดแรง + อากาศมีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา + สัมผัสได้ถึงความเย็น + ความชื้นของไอน้ำ (แจ่มใส สลับกับการมีหมอกหนามาก ๆ )
360 องศา...จากร้างอาหารยิ่งเจริญรีสอร์ท
ลานจอดรถด้านบนของยิ่งเจริญรีสอร์ท
ทางเดินขึ้นไปหอชมดาวและวัดอุณหภูมิ
เสร็จภารกิจการรับประทานกันแล้ว พวกเราชวนกันเดินย่อยอาหารขึ้นไปดูบรรยากาศพร้อมผู้คน ณ จุดสูงสุด “หอดูดาวและที่วัดอุณหภูมิ” ระดับความสูง 1,768 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซ้ายมือของทางเดินขึ้นไปจะมีร้านค้าของใช้ ของกิน และของที่ระลึก ถัดลึกเข้าไปจะเป็นรีสอร์ทและโฮมสเตย์ออกจะหนาแน่น + ลานกางเต็นท์ อุณหภูมิเวลานั้นวัดได้ 20 องศาพอดี (แต่ถ้าดึก ๆ – ค่อนรุ่งน่าจะลดลงได้อีก)
อากาศ ณ ขณะนั้นวัดได้ 20 องศา..พอดี
มุมธงชาติบนหอชมดาว
ลานกางเต้นท์
มองลงไปจะเห็นด้านล่างจะเห็นเส้นทางขึ้น - ลง จาก อ.หล่มเก่า
ช่วงหัวค่ำหลังจากอาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อยแล้ว พวกเราวางแผนว่า “ถ้าอากาศเปิดเราจะไปชมดาวกัน” แต่ต้องถือว่าโชคไม่ดีครับ เพราะทั้งคืนเราตื่นมาดูสภาพอากาศรวม 3 ครั้ง อากาศยังปิดเหมือนเดิม จึงตั้งความหวังไว้ที่เช้าตรู่กับแสงสีทองของวันใหม่อีกครั้ง แต่ยังว่าล่ะครับ...อากาศยามเช้ายังคงปิดเหมือนช่วงกลางคืน
หมอกหนามาก ช่วงเวลา 06.00 น. เศษ
อากาศเริ่มแจ่มใสขึ้น ช่วงเวลา 09.00 น. เศษ
พวกเรารับประทานอาหารเช้าตามเมนูของรีสอร์ท ประกอบด้วย ข้าวต้มเครื่องเห็ดหอม กาแฟ+โอวัลติน+ปาท่องโก๋ เสร็จแล้วกลับที่พัก จนกระทั่งเวลา 09.00 น. เศษ กลุ่มหมอกหนาค่อยจางตัวลงไปบ้าง พวกเราไม่รอช้ารีบเก็บข้าวของและคืนกุญแจห้อง เพราะเป้าหมายต่อไปของเรา คือ วัดป่าภูทับเบิก นั่นไงครับ...ขับรถลงจากยอดภูที่สูงที่สุดของทับเบิกลงไปตามเส้นทาง..สู่ยอดภูอันเป็นที่ตั้งของวัดป่าภูทับเบิก ซึ่งอยู่ติดกับ โรงเรียนบ้านทับเบิกร่วมใจ
บริเวณประตูทางเข้าทั้ง 4 ทิศ ของพระวิหารทองวิจิตร จะมีศิลปะปูนปั้นรูปพญานาคและยักษ์
วันนั้นบังเอิญมีคณะศรัทธานำผ้าป่ามาทอด 1 คณะ เลยร่วมอนุโมทนาบุญไปด้วย
เจ้าแม่กวนอิม
พระมหาเจดีย์(กำลังก่อสร้าง)
พระสังขจาย
พญาช้างเผือกโพธิสัตว์
สถานที่รับน้ำกลางหาว
กฎวัด
ไหว้พระวัดป่าภูทับเบิกเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางกลับบ้านกัน พวกเราลงจากภูทับเบิกด้วยเส้นทาง 2331 และ 2372 ไปตัดเข้าเส้นทางหลักสาย 12 (หล่มสัก – พิษณุโลก) แยกขวาเข้าถนนสาย 2013 (บ้านแยง – นครไทย) ถึงอำเภอชาติตระการประมาณ 15.00 น.เศษ คำนวณเวลาแล้วตัดสินใจแวะเข้าไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ (พวกเราเคยมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2555)
จากอำเภอชาติตระการเราเดินทางกลับจังหวัดอุตรดิตถ์ ตามเส้นทางเดิม (ทองแสนขัน- ชาติตระการ) ผ่านอำเภอทองแสนขัน ช่วงของหมู่บ้านนาลับแลง ได้พบกับทุ่งปอเทืองสีเหลืองเลยเก็บภาพมาฝากปิดท้ายกการท่องเที่ยวครัี้งนี้ ครับ
สวัสดีครับ
ขอขอบคุณ : ภาพบางภาพจาก Internet
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น