ไหว้พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ 3 จังหวัด ตอนที่ 1
สวัสดีครับ ตามที่เคยสัญญาไว้ว่าจะนำภาพและเรื่องราวดี ๆ จากการได้ไปท่องเที่ยวที่ต่าง ๆ มาฝาก และเรียนรู้บางอย่างที่หลายท่านอาจไม่รู้มาก่อนไปพร้อม ๆกัน ซึ่งทริปนี้ให้ชื่อว่า "ไหว้พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ 3 จังหวัด" แบ่งออกเป็น 3 ตอนด้วยกัน เริ่มกันที่ตอนที่ 1 กันเลยนะครับ
วันที่ 5 กันยายน 2558 ออกเดินทางจากอุตรดิตถ์ เวลา 05.30 น. ด้วยพาหนะคู่ใจ ฮอนด้า ซีวิค ขึ้นเหนือไปตามทางหลวงหมายเลข 11 (AH13) ผ่าน อ.เด่นชัย จ.แพร่ ถึงแยก 5 เชียง เลี้ยวซ้ายไปทางหลวงหมายเลข 1 (AH2) ถึง เดอะโคโค่ฟาร์ม อ.เกาะคา หยุดพักคน และรถ เติมพลังอาหารเช้ากันเรียบร้อย ออกเดินทางต่อด้วยการย้อนกลับเพื่อเข้าตัว อ.เกาะคา และผ่านไปยังวัดพระธาตุลำปางหลวง ตามทางหลวงหมายเลข 1034 ประมาณ 3 กิโลเมตร
ถึงวัดพระธาตุลำปางหลวง เวลา 08.40 น. อากาศยามเช้ายังไม่ร้อนเท่าใดนัก วันนี้เป็นวันเสาร์ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องการแสวงบุญเริ่มหนาตาตั้งแต่เช้า ขวามือของภาพจะเป็นลานจอดรถ
เดินขึ้นบันไดนาคทางด้านหน้าที่มีชื่อเฉพาะว่า "มกรคายนาค" จะพบกับซุ้มประตูโขงวัดพระธาตุลำปางหลวง ตั้งอยู่บนเนิน มีความสูงประมาณ 13 เมตร โดยมีบันไดนาคทอดยาวเชื่อมพื้นที่ระหว่างวัดกับภายนอก ลักษณะเป็นอาคารทรงมณฑปมียอดแหลมซ้อนหลายชั้น โครงสร้างก่ออิฐถือปูน ภายนอกฉาบด้วยปูนสีขาวแต่งลายปูนปั้นเกือบตลอด ทำเป็นช่องทางเดินด้านทิศตะวันออก-ตะวันตก ปากช่องทางเดินประดับซุ้มโค้งซ้อน 2 ชั้น (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก http://www.lampang.go.th)
ผ่านซุ้มประตูโขงเข้าไปจะพบกับ "วิหารหลวง" วิหารขนาดใหญ่ที่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2019 โดยเจ้าหมื่นคำเป๊ก ภายในมีซุ้มปราสาททองเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าล้านทอง ด้านหลังเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าทันใจ บนแผงไม้คอสองมีภาพจิตรกรรมเก่าแก่งดงามเรื่องทศชาติและพรหมจักร (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก http://travel.kapook.com)
ขวามือด้านหน้าของวิหารหลวง ได้นำธรรมาสไม้เก่าแก่แปลกตามาวางไว้ให้ผู้คนได้ชื่นชมกัน
พระธาตุลำปางหลวง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู ด้วยเริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จในปีฉลูเช่นกัน ฐานเป็นบัวลูกแก้ว ส่วนองค์เป็นทรงกลมแบบล้านนาภายนอกบุด้วยทองจังโก ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ มีลายสลักดุนเป็นลวดลายประจำยามแบบต่าง ๆ ลักษณะเจดีย์แบบนี้ได้ส่งอิทธิพลต่อพระธาตุหริภุญไชย และพระบรมธาตุจอมทอง ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศา และพระอัฐิธาตุจากพระนลาฎข้างขวา พระศอด้านหน้าและด้านหลัง (ข้อมูลจาก http://travel.kapook.com)
ส่วนยอดของพระธาตุลำปางหลวง
หลังจากการเดินเวียนรอบองค์พระธาตุลำปางหลวงเพื่อความเป็นศิริมงคลเป็นที่เรียบร้อย ได้พบเห็นวิหารขนาดเล็กด้านหลังขององค์พระธาตุ มีความน่าสนใจประการหนึ่งคือ เป็นที่ประดิษฐานของพระนาคปรกโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงละโว้สมัยนั้น ครั้งเมื่อ พ.ศ. 1215 พระราชบิดาของพระนางจามเทวี มอบให้มาประดิษฐานไว้ ณ ที่นี้
และเพื่อความปลอดภัยขององค์พระนาคปรกโบราณล้ำค่า ทำให้ทางวัดต้องทำการป้องกันไว้ชั้นหนึ่งก่อนดังภาพ
ถัดจากวิหารพระนาคปรกโบราณไปเล็กน้อยจะเห็น "ซุ้มพระพุทธบาท" เจ้าเมืองหาญแต่ท้องเป็นผู้สร้างซุ้มครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ฐานก่อขึ้นเป็นชั้นคล้ายฐานเจดีย์ สร้างเมื่อ พ.ศ. 1992 ภายในมองเห็นแสงหักเห ปรากฏเป็นเงาพระธาตุและพระวิหารแบบหัวกลับ แต่มีข้อห้ามไม่ให้ผู้หญิงขึ้น
ภาพถ่ายจริงที่ไม่คมชัดของเงาพระธาตุและพระวิหารแบบหัวกลับ จากการปีนเข้าไปดูภายในซุ้มพระพุทธบาท
ทางด้านซ้ายมือของวิหารหลวงจะเป็นวิหารที่มีความสวยงามชื่อ "วิหารลายคำ" (คำ = ทองคำ) ซึ่งแต่เดิมเป็นวิหารโถงเปิดโล่ง ศิลปะล้านนาฝีมือช่างลำปาง มีลวดลายลงรักปิดทองสวยงามมาก ไม่ปรากฎ ผู้สร้างแต่มีอายุไม่น้อยกว่า 700 ปี เป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าองค์หลวงเมืองเขลางค์ (เมืองลำปาง) เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนสิงห์สามปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 209 นิ้ว สูงจากฐานถึงพระเกศ 225 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นที่มีลักษณะงดงามมากที่สุดองค์หนึ่งของล้านนา
วิหารลายคำ และองค์พระธาตุลำปางหลวง มองจากทางด้านหน้าซ้ายมือของวิหารลายคำ
ด้านหน้าของซุ้มประตูทางเข้าวิหารลายคำ ได้ตกแต่งลวดลายต่าง ๆ ด้วยสีทองสวยงามจับตาเป็นอย่างยิ่ง
ออกจากบริเวณกำแพงใหญ่ไปทางประตูด้านซ้ายมือของวิหารหลวง จะเป็นบริเวณของอาคารพระสงฆ์ แต่ที่สดุดตาก็คือ การที่มีเสาไม้ที่มีความสูงไล่เลี่ยกันตั้งอยู่ใต้ต้นไม้แต่ละต้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งความจริงนั้นคือ มองในทางพระพุทธศาสนาจะเป็นความเชื่อในเรื่องของการได้มีโอกาสช่วยค้ำจุนให้พระพุทธศาสนายังคงอยู่สืบไป อีกทั้งยังเป็นผลบุญช่วยให้ผู้ทำมีอายุที่ยืนยาวอีกด้วย
อนุสาวรีย์พ่อเจ้าทิพย์ช้าง ผู้นำคนสำคัญของชาวเมืองลำปางที่ได้กอบกู้อิสระภาพจากพม่าเป็นผลสำเร็จ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าผู้ครองนครลำปาง และเป็นต้นตระกูลของเจ้านายฝ่ายเหนือตราบจนถึงปัจจุบัน
วิหารสีทองที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากมักจะพลาดโอกาสไม่ได้เข้าชม เพราะจะหลบมุมอยู่ทางด้านขวามือของอนุสาวรีย์พ่อเจ้าทิพย์ช้าง ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วิหารหลวงพ่อปากแดง ความสวยสดงดงามมองได้จากทั้งภายนอก และยิ่งได้เข้าไปชมภายในยิ่งต้องยอมรับและยกนิ้วให้จริง ๆ
ความงดงามวิจิตรของซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้า
หลวงพ่อศรีศากยะมุนี หรือ หลวงพ่อปากแดง พระประธานของวิหารสีทองแห่งนี้
ตัวอย่างหนึ่งของลวดลายปูนปั้น รูปปีนักษัตรต่าง ๆ ทั้งสองด้านของผนัง
บานประตูไม้ทั้งซ้ายและขวา แกะสลักเป็นรูปเทวดาทรงสิงห์ ช่างเป็นประตูทองที่สง่างามยิ่ง
ลวดลายปูนปั้นปิดทองบริเวณฝาผนังชั้นใน เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ต้องขอบอกว่าสวยงามเช่นกัน
ภายนอกของวิหารหลังนี้มีความงดงาม ลวดลายปูนปั้นมีความละเอียดบรรจงแต่งด้วยสีทอง
ด้านหลังของวิหารสีทองนี้ ยังมีเจดีย์พระธาตุองค์น้อยให้คนได้กราบไหว้บูชาอีกเช่นกัน
จากวัดพระธาตุลำปางหลวง เราออกเดินทางโดยใช้เส้นทางหมายเลข 1034 (อ.เกาะคา - อ.ห้างฉัตร) ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรเศษ ถึงทางแยกเชื่อมทางหลวงมหายเลข 11 เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่จังหวัดลำพูนเป็นเป้าหมายต่อไป และประตูเข้าจังหวัดลำพูนที่นักเดินทางคุ้นเคยกับคำว่า "ดอยติ" เป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุดอยติ และอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งที่ต้องแวะเข้าไปกราบไหว้บูชากัน
ภาพมุมสูงจากวัดพระธาตุดอยติ แสดงการเดินทางขึ้น-ล่องของทางหลวงมหายเลข 11
จากทางหลวงหมายเลข 11 เราเลี้ยวซ้ายเข้าจังหวัดลำพูน และเลี้ยวซ้ายขึ้นวัดพระธาตุดอยติ ซึ่งเป็นเนินเขาที่ไม่สูงชันนัก รถทุกชนิดขึ้นได้หมด แต่ต้องระวังนกยูงซึ่งทางวัดเลี้ยงแบบปล่อยไว้หลายตัว
เดินชมวิวได้พักหนึ่งก็สดุดตากับอาคารสิ่งปลูกสร้างที่มีรูปร่างสวยงามแห่งนี้ และนึกอยู่ในใจว่า...น่าจะเป็นหอไตร..นะครับ
ก่อนที่จะไปกราบไหว้บูชาพระธาตุดอยติ เราแวะเข้าไปยังอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ของครูบาศรีวิชัยเพื่อบันทึกภาพและอ่านประวัติความเป็นมาของการก่อสร้างอนุสาวรีย์ที่มีขนาดใหญ่มากของครูบาศรีวิชัย พร้อมทั้งบูชารูปหล่อครูบาศรีวิชัยไว้เป็นที่ระลึกพร้อมความเป็นศิริมงคล
พระครูบาศรีวิชัยเป็นพระเถรเจ้า นักพัฒนาแห่งล้านนาไทย ผู้พัฒนาทั้งด้านจิตใจและด้านถาวรวัตถุให้แก่ชาวล้านนาไว้อย่างอเนกอนันต์ ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2421- 2481 ถิ่นฐานบ้านเดิมของท่านอยู่ที่บ้านปาง ต.ศรีวิชัย อำเภอลี้ จึงเป็นความภูมิใจอย่างใหญ่หลวงของชาวลำพูน ที่เมืองนี้เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก http://www.tourlamphun.com)
ตลอดชีวิตครูบาศรีวิชัย ผู้มีศีลา จารวัตรที่งดงาม ฉันอาหารมื้อเดียว งดฉันเนื้อสัตว์ ได้อธิษฐานบารมีไว้ว่า “ขอหื้อได้ ถึงธรรมะ ยึดเหนี่ยว เอาพระนิพพาน สิ่งเดียว” ได้สร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ วัดประมาณ 200 วัด ในจังหวัด ภาคเหนือ และเป็นผู้นำในการ สร้างถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพโดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐ สร้างโดยพลังศรัทธาของประชาชนใช้เวลา 5 เดือนเศษ ครูบาเป็นผู้ที่ถือธรรมเนียมปฏิบัติตามจารีตของล้านนาอย่างเคร่งครัด มีผลทำให้ต้องอธิกรณ์ ถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ได้ทำให้ความเป็น “ฅนบุญ” แห่งล้านนาด้อยลง กลับส่งผลให้คนทั่วไปพิสูจน์ได้ว่า ครูบาเป็น ผู้บริสุทธิ์และสมเป็น “ฅนบุญแห่งล้านนา” โดยแท้จริง (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก http://www.tourlamphun.com)
ภาพนี้ต้องการสื่อให้เห็นถึงความวิจิตรพิสดารของร่มหรือฉัตรทอง ที่ตั้งประดับอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย
องค์พระธาตุดอยติ
ภายในวิหารด้านหน้าองค์พระธาตุดอยติ เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน "พระเจ้ากิตติ" มีลักษณะแปลก ต่างไปจากพระพุทธรูปที่เราเห็นทั่วไป คือสองพระกรซ้อนทับกันบนหน้าตัก สองพระบาทห้อยลงมาจากพระแท่นแก้ว
ผู้เขียนกับรูปปั้นนักษัตรประจำปีเกิด บริเวณด้านข้างวิหารพระเจ้ากิตติ
ไหน ๆ ก็มาถึงจังหวัดลำพูนกันแล้ว เราควรเข้าไปสักการะบูชาอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี เพื่อความเป็นมงคลกกันดีกว่า
อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ พระนางจามเทวี ซึ่งเป็นองค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย พระนางจามเทวีเป็นปราชญ์ที่มีคุณธรรมมีความกล้าหาญและสามารถ เป็นผู้นำพระพุทธศาสนาเข้ามานครหริภุญชัย รวมถึงศิลปะวัฒนธรรมมาเผยแพร่จนมีความ เจริญรุ่งเรืองสืบมาจนถึงปัจจุบัน อนุสาวรีย์พระนางจามเทวีสร้างเสร็จและเปิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2525 เป็นที่สักการบูชาของชาวลำพูนและนักท่องเที่ยว คนเฒ่าคนแก่ชาหล่ะปูน เล่ากันว่า "พระนางจามเทวี" เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเมืองลำพูนอีกแห่งหนึ่ง "ใครที่ไม่สมหวังเรื่องรักให้มาขอกับพระ
นางจามเทวีแล้วจะโชคดีสมหวังในรัก" จริงหรือไม่ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก http://remawadee.com)
จากลำพูน พวกเราเดินทางกันต่อโดยใช้เส้นทางสายเก่าหมายเลข 106 (ลำพูน - เชียงใหม่) เข้าพัก ณ โรงแรมย่านประตูท่าแพ เชียงใหม่ พรุ่งนี้วันที่ 6 กันยายน 2558 จะเป็นอย่างไรติดตามใน " ไหว้พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ 3 จังหวัด ตอนที่ 2 " สวัสดีครับ
ขอบคุณ : 1) http://www.lampang.go.th 2) http://travel.kapook.com
3) http://www.tourlamphun.com 4) http://remawadee.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น