12 พันธุ์ไม้สวยงาม...ริมทางทั่วไทย#1


      
         เหลืองปรีดียาธร                   เหลืองอินเดีย                      เหลืองเชียงราย                     สุพรรณิการ์                           ราชพฤกษ์

เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูร้อนหลายคนอาจไม่ชื่นชอบเท่าไหร่  เป็นเพราะรู้ดีว่าสภาพอากาศโดยทั่วไปมันช่างร้อนสมชื่อจริง ๆ  แต่กระนั้นก็ยังมีสิ่งดีอีกอย่างหนึ่ง คือเราจะพบเห็นความเบ่งบาน...สุดสวยงาม...ของพันธุ์ไม้ที่ถึงเวลาต้องผลิดอกออกผลเพื่อการอยู่รอดของมันต่อไป  และหลายคนที่เป็นนักเดินทาง...นักท่องเที่ยว...คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า  มันเป็นความสดชื่นสวยงาม  สุขตาและสุขใจกับพันธุ์ไม้สวยงามนานาพันธุ์  ที่พบเห็นและสัมผัสได้อย่างไม่รู้จักเบื่อในแต่ละรอบปีที่รอคอย  รู้จักและเรียนรู้ 12 พันธุ์ไม้ไปกับเรานะครับ.....

           

1. เหลืองปรีดียาธร 

เป็นต้นไม้ที่ท่านหม่อมพันธ์ทิพย์ บริพัตร นำมาจากอินโดนีเชีย  มีชื่อพื้นเมืองอื่นว่า “ตาเบบูยาเหลือง”  มีถิ่นกำเนิดจากอเมริกากลางและหมู่เกาะอินดีสตะวันตก  เหลืองปรีดียาธรเป็นไม้ยืนต้น ใบเป็นใบประกอบแบบนิ้วมือที่มี 5 ใบย่อย เรียงตัวแบบตรงข้ามสลับตั้งฉาก ใบรูปรี ขอบใบเรียบ มีช่อดอกแบบช่อกระจุก สมบูรณ์เพศ สมมาตรด้านข้าง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ เชื่อมติดกันปลาย แยกเป็นแฉก กลีบดอก 5 กลีบ เชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง สีเหลือง ปลายกลีบแยกเป็นรูปปากเปิด ส่วนที่อยู่ด้านบนมี 2 กลีบ เกสรเพศผู้มี 4 อัน เป็นแบบ 2 คู่ยาวไม่เท่ากัน เกสรเพศเมีย 1 อัน ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2 แฉก รังไข่เหนือวงกลีบ ผลแห้งแตก เป็นฝัก สีเทามีเส้นสีดำตามแนวยาว ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม

            

2. เหลืองอินเดีย

เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง แต่จะออกดอกได้เมื่อขนาดเป็นพุ่มเล็ก ๆ อายุจากการเพาะเมล็ด 2-3 ปี ใบเป็นใบประกอบมีใบย่อย 5 ใบ ผิวใบไม่เรียบแต่เป็นขนกำมะหยี่เล็กน้อย สีเขียวอมเหลือง เวลาออกดอกจะออกเป็นช่อเป็นกระจุก แตกดอกตามตารอบ ๆ สีเหลืองทองและเหลืองสด ในฮาวายเรียกว่าต้นทอง (Goldentree) ดอกคล้ายดอกบานบุรี แบ่งเป็น 3-2 กลีบ ไม่เท่ากัน กลีบอ่อน เวลาออกดอกใบจะร่วงหมด ออกดอกในฤดูแล้ง ดอกจะบานเต็มต้น เพียงระยะสั้นไม่เกิน 2 วัน ก็จะร่วงหล่นโคนต้นเหลืองไปหมด เหมือนปูพรมสีเหลืองสด

            

3. เหลืองเชียงราย

เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง 3-6 เมตร ผลัดใบ ใบประกอบรูปนิ้วมือ เรียงตรงข้าม ใบย่อย 5 ใบ รูปรีแกมรูปไข่กลับ แผ่นใบสาก มีขนสีน้ำตาลปกคลุม โคนใบสอบ ปลายใบแหลมมน ขอบใบหยักห่างๆ ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ เชื่อมติดกันเป็นหลอด มีขนสีน้ำตาลคลุม หนาแน่น กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง เชื่อมติดกันเป็นหลอด รูปแตร ผลเป็นผลแห้งแตก สีน้ำตาล มีขนคลุมหนาแน่น เมล็ดแบน มีปีก จำนวนมาก  ถิ่นกำเนิด อเมริกาเขตร้อน (บราซิล) ออกดอก มกราคม – เมษายน การปลูกเลี้ยง ดินร่วน อากาศเย็น แสงแดดจัด น้ำปานกลาง ขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ดอกเหลืองเชียงรายกับดอกเหลืองอินเดีย จะดูคล้าย ๆ กัน  ฐานรองดอกเหลืองเชียงรายมีขนมาก แต่ดอกเหลืองอินเดียไม่มีขน สำหรับผู้ที่ผ่านไปมา  และผู้ที่พบเห็นหลายๆท่านได้บอกว่าดอกเหลืองเชียงรายสวยงามมากๆ และเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าภูมิใจของจังหวัดเชียงราย


4. สุพรรณิการ์ /ฝ้ายคำ

              

4.1 พันธุ์กลีบดอกซ้อน หรือสุพรรณิการ์ซ้อน (double butter-cup) เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุด และกระจายอยู่ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก มีลักษณะเด่นคือ ใบหยักเป็นแฉกลึก 75-80% ดอกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงแน่น  ดอกย่อยบานพร้อมกัน เป็นดอกไม่สมบูรณ์คือมีเฉพาะเกสรเพศผู้ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ร่วงยาก กลีบดอกสีเหลืองจำนวนมาก มีหลายชั้นและร่วงยาก เกสรเพศผู้สีเหลือง จำนวนมาก มีทั้งอยู่วงในสุดและแทรกอยู่ในชั้นของกลีบดอก  ขณะออกดอกใบมักจะร่วงหมดทั้งต้น เป็นพันธุ์ที่ไม่มีผล การขยายพันธุ์โดยการปักชำ 

           

4.2 พันธุ์กลีบดอกชั้นเดียว สุพรรณิการ์ หรือสุพรรณิการ์ดอกลา (single butter-cup) มีลักษณะเด่นคือใบเป็นแฉกลึก 50-60% ดอกย่อยเป็นดอกสมบูรณ์ มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ ร่วงยาก กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลืองสด ร่วงง่าย เกสรเพศผู้จำนวนมาก รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ ผลทรงกลมแบบแคบซูล (capsule) ทรงกลม เมล็ดรูปไตหรือรูปก้นหอย  หุ้มด้วยปุยสีขาว   

            

5. ราชพฤกษ์

ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้พื้นเมืองของเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย พม่า และศรีลังกา โดยนิยมปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่โล่งแจ้ง และเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัด จนกระทั่งมีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2544
เป็นต้นไม้ขนาดกลาง สูงประมาณ 10-20 เมตร ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองอร่าม แต่ละช่อยาวประมาณ 20-40 เซนติเมตร โดยกลีบดอกจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ มีผลยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นฉุน และมีเมล็ดที่เป็นพิษ

ติดตามสาระความรู้  "12 พันธุ์ไม้สวยงาม...ริมทางทั่วไทย"  ตอนที่ 2 ได้ใหม่นะครับ


ขอบคุณ  :  1)  http://khunpleum-vietriofanclub-premmie.blogspot.com 
                2)  http://th.wikipedia.org              3)   http://www.qsbg.org 
                4)  http://www.chiangrai108.com    5)   http://www.bloggang.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร (บุญใหญ่ อินทปญโญ) วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์