วิกฤตการณ์ผู้อพยพ 'โรฮิงจะ' : วิกฤตการณ์มนุษยธรรม
Rohingya migrants pass food supplies dropped by a Thai army helicopter to others aboard a boat drifting in Thai waters off the southern island of Koh Lipe in the Andaman sea on May 14, 2015.
องค์การสหประชาชาติและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนหลายแห่งเรียกร้องให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปิดประตูให้ความช่วยเหลือผู้อพยพชาว‘โรฮิงจะ’ที่ถูกกดขี่จากพม่าและบังคลาเทศ
หนีลงเรือข้ามน้ำข้ามทะเลผ่านทะเลอันดามันมุ่งหน้าสู่ช่องแคบมะละกาเพื่อลี้ภัย
ก่อนที่กลายเป็นวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรม
เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพไทยโปรยอาหารและน้ำเพื่อช่วยประทังความหิวโหย
ให้กับชาวโรฮิงจะ นับร้อยชีวิตที่แออัดอยู่บนเรือ ลอยลำในเขตน่านน้ำไทย
แถบทะเลอันดามัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
เรือลำนี้เป็นหนึ่งในกองเรือนับพันที่บรรทุกชาวโรฮิงจะทั้งผู้หญิงและเด็กเล็กจากพม่าเต็มลำ
มุ่งหน้าข้ามน้ำข้ามทะเล
หนีการเข่นฆ่าจากเหตุความแตกต่างทางศาสนาในพม่าเพื่อยอมไปตายเอาดาบหน้าในอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร
ที่ผ่านมามักมีนายหน้าที่รับปากจะพาไปให้ถึงปลายทางที่พวกเขามุ่งหวังคือประเทศมุสลิม
อย่างมาเลเซีย และอินโดนีเซีย
ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมาทางการอินโดนีเซียต่างรับมือกับผู้อพยพชาวโรฮิงจะหลายร้อยคนต่อวัน
Muhammad Husein เป็นหนึ่งในผู้อพยพชาวโรฮิงจะจากพม่า
ที่โชคดีได้รับช่วยเหลือให้ขึ้นฝั่งจากทางการอินโดนีเซียในจังหวัดอาเจะ เขาบอกว่า
เขาไม่สามารถหันหลังกลับไปอาศัยในประเศที่มีชาวพุทธเป็นส่วนใหญ่ได้อีกแล้ว
และต้องการที่จะอยู่ในประเทศมุสลิมอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เรือที่เขาโดยสารเคยพยายามเข้ามาเลเซียมาแต่ถูกปฏิเสธก่อนจะได้ขึ้นฝั่งและจะขออาศัยในอินโดนีเซียแทน
และพวกเขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่เท่านั้น
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่โชคดีเหมือนชาวโรฮิงจะที่ได้รับความช่วยเหลือจากทางการอินโดนีเซียเพราะยังมีอีกจำนวนมากที่ต้องถูกผลักดันออกไปและยังคงลอยลำอยู่กลางทะเล
นอกจากนี้หลังจากประเทศไทยซึ่งเป็นทางผ่านของการเส้นทางอพยพ
ได้เพิ่มมาตรการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้กลุ่มนายหน้า
คนขับเรือและผู้นำพาจำนวนไม่น้อยต่างสละเรือ และปล่อยให้พวกเขาเผชิญกับความหิวและอดอยากกลางทะเล
Rohingya Boat People
Phil Robertson ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย องค์การสิทธิมนุษยชน
Haman Rights Watch บอกว่า
การผลักภาระของประเทศต่างๆด้วยการผลักดันกองเรือของผู้อพยพกลับไปในทะเล
เปรียบเสมือนการฝังเมล็ดพันธุ์ของความหายนะต่อความรับผิดชอบทางมนุษยธรรมต่อชาวโรฮิงจะที่ต้องการความช่วยเหลือ
ขณะที่ Stephane Dujarric โฆษกเลขาธิการสหประชาชาติ
ระบุว่า นายบัน คีมุน
เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆยึดมั่นในหลักการให้ความช่วยเหลือทางทะเลและต้องไม่ผลักดันผู้อพยพ
โดยเร่งเร้าให้ทุกประเทศเปิดพรมแดนและท่าเรือให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเพื่อรับผู้อพยพเหล่านั้นขึ้นสู่ฝั่ง
ด้าน Jeffery Labovitz จากองค์กรด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน
(IOM) ในประเทศไทย บอกว่า
ชาวโรฮิงจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือออกจากเรือโดยเร็ว
เพราะยิ่งเวลาผ่านไปทุกวันพวกเขาก็จะยิ่งตกในภาวะสุ่มเสี่ยงมากขึ้นและอาจตายในที่สุด
ประเทศไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมในระดับภูมิภาคเพื่อหาทางออกร่วมกันในเรื่องเกี่ยวกับผู้อพยพชาวโรฮิงจะในปลายเดือนนี้
ที่กรุงเทพมหานคร
A fisherman sleeps on his boat as the vessel, left, used to carry Rohingya Muslims from Myanmar and migrants from Bangladesh is docked at a port in Lhokseumawe, Aceh province, Indonesia, Thursday, May 14, 2015.
แต่จนถึงขณะนี้ท่าทีของแต่ละประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องยังคงยืนกรานปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือด้านที่พักพิงระยะยาวและพร้อมจะผลักดันให้ผู้อพยพเหล่านี้ออกสู่ทะเล
ซึ่งอาจมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นวิกฤตการณ์ด้านมนุษยชนครั้งใหญ่ทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลกหากไม่มีการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรมอย่างทันท่วงที
ขอบคุณ : http://www.voathai.com & https://www.youtube.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น