เมืองโบราณพิชัย : อีกสถานที่หนึ่งที่ใครอาจไม่เคยรู้ !!!
การนำเรื่องราวของเมืองโบราณพิชัย มาบอกกล่าวกันครั้งนี้ เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ และเชิงโบราณคดี ไปพร้อม ๆ กัน แม้สถานที่แห่งนี้จะไม่ยิ่งใหญ่ หรือมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วไปก็ตาม แต่ก็นับว่ายิ่งใหญ่ในใจของผู้คน โดยเฉพาะชาวเมืองพิชัย และชาวอุตรดิตถ์ ที่ได้มีโอกาสมองเห็นภาพเรื่องราว หรือเหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้นของผู้คนในอดีต ...... ทำให้รู้จักรากเหง้าและตัวตน "รู้เรา" มากยิ่งขึ้น ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยศิลปากร และคุณภัคธร ชาญฤทธิเสน นักศึกษาหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2554 สำหรับข้อมูลการศึกษาวิจัยเมืองโบราณพิชัยล่าสุด ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เมืองโบราณพิชัย ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 บ้านหน้าพระธาตุ ตำบลในเมือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ มีอาณาเขตติดต่อดังนี้
ทิศเหนือ : ติดกับบ้านดินแดง ตำบลไร่อ้อย อำเภอพิชัย
ทิศตะวันออก : ติดกับหมู่ 7 บ้านคลองกะชี ตำบลในเมือง อำเภอพิชัย
ทิศใต้ : ติดกับหมู่ 3 ตำบลในเมือง อำเภอพิชัย
ทิศตะวันตก : ติดกับแม่น้ำน่าน
เมืองโบราณพิชัย ตั้งอยู่ริมที่ราบลุ่มทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน โดยกำแพงเมืองทางด้านทิศตะวันตกอยู่ติดกับแม่น้ำ ลักษณะของตัวเมืองโบราณพิชัยเป็นผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดประมาณ 1,000 x 600 – 720 เมตร ตัวเมืองโบราณพิชัยในปัจจุบันได้มีถนนหมายเลข 1204 (พิชัย-ตรอน) แบ่งเมืองออกเป็น 2 ฝั่ง เมืองฝั่งตะวันตกได้ถูกชาวบ้านจับจองออกโฉนดสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ส่วนทางทิศตะวันออกเป็นเขตพื้นที่ที่ได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 วันที่ 8 มีนาคม 2478 ให้เป็นโบราณสถานประเภท " ชุมชนโบราณ " ดังนั้นเมืองพิชัยทางด้านตะวันออกจึงไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ แต่ปัจจุบันชาวบ้านได้ขอเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์เพื่อใช้ในการทำการเกษตรจนเต็มพื้นที่เมือง
ผลของการศึกษาวิจัย เมืองโบราณพิชัย ประกอบด้วยประเด็นสำคัญ ๆ ได้แก่ พัฒนาการของเมืองโบราณพิชัย กำแพงเมือง และคูเมือง และความสัมพันธ์กับชุมชนภายนอก
พัฒนาการของเมืองโบราณพิชัย
เมืองพิชัยระยะที่ 1 (รายพุทธศตวรรษที่ 19 - 20)
หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเมืองโบราณพิชัยมีอายุร่วมสมัยกับอาณาจักรสุโขทัย แม้ว่ายังไม่ปรากฎเป็นที่ชัดเจนนัก แต่จากหลักฐานที่พบในหลุมขุดค้นที่ 2 (TP2) เช่น เครื่องถ้วยเคลือบแบบเชลียง เครื่องถ้วยจีนเคลือบเขียวสมัยราชวงศ์หยวน ซึ่งเป็นเครื่องถ้วยที่มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17-19 ก็แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ในบริเวณด้านทิศตะวันตกของเมืองริมฝั่งแม่น้ำน่าน ได้มีการอยู่อาศัยมาอย่างน้อยตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 19-20มาแล้ว ซึ่งลักษณะของชุมชนคงจะเป็นชุมชนในระดับหมู่บ้าน โดยยังไม่มีกำแพงเมือง และคูเมืองล้อมรอบ
นอกจากหลักฐานประเภทเครื่องถ้วยแล้ว ยังพบพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยหมวดใหญ่ ที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 19- 20 ก็อาจจะเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นการนับถือพุทธศาสนามาตั้งแต่ยังเป็นชุมชนขนาดเล็ก ซึ่งหลักฐานทางโบราณคดีก็สอดคล้องกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่ได้บันทึกว่าเมืองพิชัยเป็น 1ใน 16หัวเมือง ตั้งแต่ครั้ง สถาปนากรุงศรีอยุธยา ก็แสดงว่าเมืองพิชัยจะต้องมีชุมชนอยู่ตั้งแต่ก่อนสร้างกำแพงเมืองในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3
เมืองพิชัยระยะที่ 2 (ราวพุทธศตวรรษที่ 21-24)
เมืองพิชัยมีการอยู่อาศัยต่อเนื่องกันมาจนเกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบของชุมชนจากหมู่บ้านเป็นชุมชนเมือง และได้ขยายตัวเมืองออกไปทางทิศตะวันออก และได้เริ่มมีการก่อกำแพงเมืองขึ้น หลักฐานที่พบจากหลุ่มขุดค้นที่ 1 ที่พบเครื่องถ้วยสังคโลกจากแหล่งเตาป่ายางอยู่ในชั้นล่างสุดของชั้นวัฒนธรรมที่ 1 แสดงให้เห็นว่าเมืองพิชัยได้มีการขยายตัวเมืองไปทางทิศตะวันออก นอกจากนี้ยังพบเครื่องถ้วยสังคโลกจากแหล่งเตาเกาะน้อย - ป่ายาง แหลางเตาสุโขทัย และแหล่งเตาตาปะขาวหาย อีกทั้งพบเครื่องถ้วยจีนลายครามสมัยราชวงศ์หมิง-ชิง แสดงว่าในสมัยที่ 2 นี้เมืองพิชัยมีคนอยู่อาศัยมากขึ้น
ถึงแม้ว่าหลักฐานที่เป็นโบราณสถานในตัวเมืองจะไม่สามารถสันนิษฐานรูปแบบได้อย่างแน่ชัด แต่ก็ยังมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงรูปแบบศิลปะของอยุธยาที่แผ่อิทธิพลมาที่เมืองพิชัย เช่น เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองที่วัดมหาธาตุ พระพิมพ์ดุนทองที่พบที่วัดหน้าพระธาตุ ที่แสดงให้เห็นถึงศิลปะอู่ทองรุ่น 2
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ในช่วงนี้ แสดงให้เห็นว่าเมืองพิชัยเป็นเมืองที่มีความสำคัญ เช่น ในพระอัยการเก่าตำแหน่งนาหัวเมือง เมืองพิชัยเป็นถึงหัวเมืองชั้นตรี และมีออกญาเป็นผู้ครองเมือง รวมทั้งในบันทึกจดหมายเหตุของโยส สเคาเต็น ก็ได้กล่าวว่าเมืองพิชัยเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญ
กำแพงเมือง และคูเมือง
การขุดตรวจแนวกำแพงเมืองพิชัยทำให้ทราบว่า ลักษณะกำแพงเมืองพิชัยเป็นกำแพงดิน 2 ชั้น สูงประมาณ 5 เมตร จากชั้นดินเดิม กว้างประมาณ 20 เมตร มีคูน้ำภายนอกอีก 2 ชั้น จากการขุดตรวจจากบริเวณจุดที่สูงที่สุดของกำแพงถึงชายลาดของกำแพงพบว่า ฐานกำแพงด้านในเมืองจะมีความลาดชันน้อยกว่าทางด้านนอกของเมือง ความลาดชันด้านในเมืองจะยาวเกินกว่า 10 เมตร ไม่ปรากฎร่องรอยคูน้ำด้านในเมือง
ผลการขุดตรวจกำแพงเมืองไม่พบหลักฐานโบราณวัตถุทั้งจากชั้นดินธรรมชาติ และชั้นดินตัวกำแพงเมือง จึงสันนิษฐานว่าพื้นที่ในบริเวณนี้ไม่มีการอยู่อาศัยมาก่อนการสร้างกำแพงเมือง กำแพงเมืองพิชัยอาจจะเริ่มใช้งานพร้อมกับการเริ่มอยู่อาศัย
การติดต่อกับชุมชนภายนอก
เมืองพิชัยถือว่าสมีลักษณะทางกายภาพของเมืองที่ตั้งอยู่ริมแมน้ำสายใหญ่ คือ แม่น้ำน่าน รวมทั้งยังมีคลองหลายสายที่สามารถติดต่อกับชุมชนอื่น ๆ โดยรอบได้สะดวก เช่น ทางด้านทิศเหนือติดต่อกับเมืองบางโพ-ท่าอิฐ (อุตรดิตถ์) และเมืองทุ่งยั้ง ทางด้านทิศตะวันตกติดต่อกับเมืองเชลียง (ศรีสัชนาลัย) และทางทิศใต้ติดต่อกับเมืองพิษณุโลก
ตรงจุดนี้ผู้เขียนขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมครับ " คลองคอรุม หรืออีกหลายชื่อตามแต่พื้นที่นั้นจะเรียกคานกัน เช่นคลองละมูง คลองมะพลับ เป็นต้น ปัจจุบันลำคลองนี้ได้รับการพัฒนาไปบ้างแล้วโดยเน้นการแก้ปัญหาอุทกภัยเท่านั้น ความจริงไหน ๆ จะพัฒนาแล้วก็น่าจะพัฒนาให้ได้รอบด้านเสียเลย อาทิ เพื่อการเกษตรกรรม (แก้มลิงเก็บน้ำ) เพื่อการคมนาคมทางน้ำ เพื่อการประมง และเพื่อการท่องเที่ยว เป็นต้น คนและชุมชนในทุกลุ่มน้ำลำคลองต้องหันมาร่วมมือกันพัฒนาแหล่งน้ำให้คงสภาพที่ดีเสมอ เพราะน้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญมากต่อมนุษย์ สัตว์ และพืช "
การศึกษาวิจัยโบราณคดีเมืองพิชัยข้างต้น เป็นการศึกษาทางด้านโบราณคดีในเมืองพิชัยเป็นครั้งแรก และเนื่องจากงบประมาณและระยะเวลาอันจำกัด ทำให้ต้องสุ่มเลือกพื้นที่ในการศึกษา และข้อมูลที่ได้ยังเป็นส่วนน้อยต่อการสรุปเป็นข้อยุติเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และโบราณคดีเมืองพิชัยได้ ซึ่งผู้วิจัยได้เสนอไว้ในตอนท้ายว่า
1. ควรมีการขุดค้นทางโบราณคดีบริเวณทางตอนใต้ของเมือง เพื่อให้ได้ข้อมูลเรื่องการใช้พื้นที่ภายในตัวเมืองเพิ่มขึ้น
2. ควรมีการขุดค้นทางโบราณคดีบริเวณภายนอกกำแพงเมืองพิชัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทางด้านทิศใต้บริเวณวัดกุฎีทอง เนื่องจากพบพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย ซึ่งอาจจะทำให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกกับการตั้งชุมชนแรกเริ่ม
3. ควรมีการขุดค้นกำแพงเมืองเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างกำแพงเมืองมากขึ้น
ภาพบางส่วนที่น่าสนใจของบริเวณเมืองโบราณพิชัย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น