Blood group : เรื่องที่ต้องรู้


 

                                                       
เม็ดเลือดแดง (Red blood cell) เม็ดเลือดแดงก็คล้ายกับเซลอื่นๆของร่างกาย บนผิวเซลเม็ดเลือดแดงจะมีแอนติเจนซึ่งไม่เหมือนกันในคนทุกคน ถ้านำเม็ดเลือดแดงของคนๆหนึ่งไปให้กับอีกคนหนึ่งที่มีเม็ดเลือดแดงที่มีแอนติเจนบนผิวแตกต่างกัน จะให้เกิดปฏิกริยาผิดปกติ (Immunological disease) ขึ้นได้ แอนติเจนที่อยู่บนผิวเม็ดเลือดแดงมีหลายพวก ทำให้เกิดเป็นหมู่เลือด (Blood group) ออกได้เป็นหลายระบบ ได้แก่
 - หมู่โลหิต เอ บี โอ ( ABO system)
 - หมู่โลหิต Rh ( Rh system)
 - หมู่โลหิตเลวิส ( Lewis system)
 - หมู่โลหิต Ii (Ii system)
 - หมู่โลหิต Mn ( Mn system)
 - หมู่โลหิต P ( P system)
 - หมู่โลหิต Kell ( Kell   system)
 - หมู่โลหิต Kidd ( Kidd   system)
 - หมู่โลหิต Duffy ( Duffy   system)
ระบบหมู่เลือดที่สำคัญและก่อให้เกิดปัญหาทางการแพทย์ได้บ่อย โดยเฉพาะในการให้เลือดคือหมู่ ABOและหมู่ Rh
 
ระบบหมู่เลือด ABO
เป็นหมู่เลือดที่สำคัญที่สุดในการให้เลือด (blood transfusion)  เป็นระบบที่พบก่อนระบบอื่นๆโดย Landsteiner พ.ศ. 2443 จากการทดลอง Landsteiner สรุปได้ว่ามีหมู่เลือดอยู่ 4 หมู่เมื่อคำนึงถึงการมีแอนติเจน A และแอนติเจน B    ดังนี้
หมู่เลือด
  Bl.gr.
แอนติเจนบนเม็ดเลือดแดง
  Antigen
แอนติบอดีย์ในซีรั่ม
  Antibody
การกระจายในคนไทย
  Population
A
A
anti-B
22 %
B
B
anti-A
33 %
AB
A และ B
-
8 %
O
H
anti-A และ anti-B
37 %
คนที่มีหมู่เลือด เอ จะมีแอนติเจน A อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง และมีแอนติบอดีย์ต่อ B อยู่ในซีรั่ม (น้ำเหลือง)
คนที่มีหมู่เลือด บี จะมีแอนติเจน B อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง และมีแอนติบอดีย์ต่อ A อยู่ในซีรั่ม (น้ำเหลือง)
ดังนั้นซีรั่มของคนหมู่เลือดเอจะทำให้เม็ดเลือดแดงของคนหมู่เลือดบี เกิดการจับกลุ่ม
กลับกันซีรั่มของคนหมู่เลือดบีจะทำให้เม็ดเลือดแดงของคนหมู่เลือดเอ เกิดการจับกลุ่ม

คนหมู่เลือด เอบี มีแอนติเจนทั้ง A และ B อยู่บนเม็ดเลือดแดง ส่วนในซีรั่มจะไม่มีแอนติบอดีย์ต่อแอนติเจน A
และทั้งแอนติบอดีย์ต่อแอนติเจน B
คนหมู่เลือด โอ บนเม็ดเลือดแดงไม่มีทั้งแอนติเจน A และแอนติเจน B แต่ในซีรั่มจะมีทั้งแอนติบอดีย์ต่อ
แอนติเจน A และแอนติเจน B

Sub group ที่สำคัญทางการแพทย์คือ sub group A (หมู่เลือดย่อย) โดยส่วนใหญ่ของคนหมู่เลือด เอ
จะเป็น subgroup A1 รองลงมาเป็น subgroup A2   ส่วน subgroup A3, A4, Am, Ax พบได้น้อย
มากๆ  บนผิวเม็ดเลือดแดงของ subgroup A1 จะมีแอนติเจนทั้ง A1 และ A2 เมื่อทำปฏิกริยากับ Anti A
sera จะเกิดการจับกลุ่มได้ดี  ส่วนเม็ดเลือดแดงของ subgroup A2 บนผิวเม็ดเลือดแดงจะมีแอนติเจน A2
เพียงอย่างเดียว เมื่อทำปฏิกริยากับ Anti A sera จะจับกลุ่มได้ไม่ดีนัก (ขนาดตะกอนกลุ่มเล็กกว่าแบบ A1) 

H Antigen เป็นแอนติเจนที่พบได้บนผิวเม็ดเลือดแดงทุกหมู่ แต่จะมีปริมาณมากที่สุดบนผิวเม็ดเลือดแดง
หมู่ โอ  โดยแอนติเจน H เป็นสารต้นกำเนิดของทั้งแอนติเจน A และแอนติเจน B  
โดยที่ A gene และ B gene มีหน้าที่กำหนดให้มี enzyme A transferase และ B transferase
ซึ่งจะไปทำปฏิกริยากับแอนติเจน H  ให้เปลี่ยนไปเป็นแอนติเจน A และ แอนติเจน B 
บนผิวของเม็ดเลือดแดงหมู่ A ซึ่งจะมีแอนติเจน A และแอนติเจน H  ส่วนบนผิวของเม็ดเลือดแดงหมู่ B  จะมีแอนติเจน B และแอนติเจน H
บนเม็ดเลือดแดงหมู่ AB จะมีทั้งแอนติเจน A แอนติเจน B และแอนติเจน H
บนเม็ดเลือดแดงหมู่ โอ จะมีแต่แอนติเจน H เพียงอย่างเดียว
ส่วนของแอนติเจน H จะถูกควบคุมโดย gene H และ gene h โดยที่  HH และHh genotype จะกำหนด
ให้มีแอนติเจน H บนผิวของเม็ดเลือดแดง ส่วน hh genotype จะกำหนดให้ไม่มีแอนติเจน H บนผิวเม็ดเลือด
แดง ซึ่งจะทำให้บุคคลนั้นไม่มีทั้งแอนติเจน A หรือแอนติเจน B ไปด้วย แม้ว่าจะมี ABO genotype เป็น
AA, AO, BB, BO, AB ก็ตาม  ดังนั้นเมื่อนำเม็ดเลือดแดงของคนที่มีลักษณะ hh genotype มาทำปฏิกริยา
กับแอนติบอดีย์ต่อ A( anti-A sera) หรือกับแอนติบอดีย์ต่อ B (anti-B sera) จะไม่เกิดตะกอนการจับกลุ่ม
ขึ้น ทำให้ดูเหมือนว่าคนๆนั้นเป็นหมู่เลือด O ลักษณะดังกล่าวจัดเรียกว่าเป็นหมู่เลือดชนิด Bombay หรือ
( group O Bombay / Bombay phenotype)
แอนติเจน A แอนติเจน B และแอนติเจน H นอกจากจะปรากฏอยู่บนเม็ดเลือดแดงแล้ว ยังมีอยู่บน epithelial
cell , endothelial cell และละลายอยู่ใน ซีรั่ม น้ำลาย น้ำย่อยในกระเพาะ น้ำย่อยจากตับอ่อน และเหงื่อ
คนส่วนมากจะมีแอนติเจนดังกล่าวละลายอยู่ในซีรั่มหรือน้ำคัดหลั่งต่างๆ เรียกบุคคลเหล่านี้ว่า Secretor
คนส่วนน้อยไม่มีแอนติเจนดังกล่าวละลายอยู่เรียกว่าเป็น non-secretor
Allele ที่ควบคุมการเป็น secretor หรือ non-secretor คือยีน Se gene และ se gene โดยที่
   Se/Se และ Se/se genotype จะแสดงลักษณะเป็น Secretor
   se/se genotype
จะแสดงลักษณะเป็น non-secretor

แอนติเจนที่ละลายอยู่ในซีรั่มหรือน้ำคัดหลั่ง กับแอนติเจนบนเม็ดเลือดแดงของคนๆหนึ่งจะตรงกันเช่น
secretor ที่มีหมู่เลือด เอ ในซีรั่มและน้ำคัดหลั่งจะมีแอนติเจน A และแอนติเจน H อยู่ จะไม่มีแอนติเจน B

หลักการให้เลือด 

ถ้าเรียนวิทยาศาสตร์ มาสมัยมัธยม จะมีหลักว่าเลือดของผู้ให้ จะต้องไม่มี Antigen ที่ผู้รับ มี Antibody นั้น  ดังนั้น คนหมู่เลือด O ซึ่งไม่มี Antigen และ แอนติบอดี้ สามารถให้เลือดได้ทุกหมู่เลือด แต่จะสามารถรับได้เฉพาะหมู่เลือด O เท่านั้น  
ส่วนคนที่มีหมู่เลือด AB ไม่ควรให้เลือดแก่หมู่อื่นทั้ง A,B และ O เพราะมี Antigen ทั้ง A,B ถ้าให้แก่ผู้รับอาจจะเกิดการตกตะกอนของเลือดได้ แต่หมู่AB สามารถรับเลือดได้ทุกหมู่ 

แต่ในความเป็นจริง เวลาแพทย์จะให้เลือด จะต้องตรงหมู่กันเท่านั้น (ยกเว้นกรณีฉุกเฉินจำเป็นจริงๆ เท่านั้นจึงเลือกใช้เลือดอย่างที่บอกไว้ข้างบน) เนื่องจากถ้าถ้าเป็นเลือดต่างกรุ๊ป อาจจะทำปฏิกริยากัน ทำให้เกิดการแตกของเม็ดเลือดได้ 

ยกตัวอย่างเช่น คนเลือด Gr AB รับเลือด Gr A มา แม้ว่า ตัวเองไม่มี Antibody A ไปทำลายเม็ดเลือดที่รับมา แต่ในน้ำเลือดคนให้มา จะมี Antibody B ซึ่งจะปฎิกริยากับ Antigen ของตัวเองได้  แม้แต่เลือดกรุ๊ปเดียวกัน ก็ยังมีโอกาส เป็นได้เช่นกัน แต่น้อยกว่า ดังนั้นก่อนให้เลือด จึงต้องเอาเลือดทั้งสองฝ่ายมาตรวจสอบ ความเข้ากันได้ก่อน (Group matched)

ดังนั้นคนที่เลือดกรู๊ป AB ซึ่งน่าจะดี ที่รับเลือดได้ทุกกรุ๊ป   กลับหาเลือดยากเนื่องจากเลือดกรุ๊ปนี้มีอยู่ไม่ถึงห้าเปอร์เซนต์ของประชากรทั้งหมด เวลาต้องหากรุ๊ปเดียวกันตอนให้เลือด จึงหายากหน่อย ไม่ดีเหมือนที่คิด

ส่วนพ่อ แม่กรุ๊ปใด จะมีลูกที่มีเลือดกรุ๊ปใดได้บ้าง 

ให้นึกภาพว่ายีนส์ ของคนนั้นจะมีสองอันประกบกันเป็นคู่ อันนึงได้จากแม่ อีกอันได้จากพ่อ และจะแยกตัว ออกเป็นสองข้าง ในเซลสืบพันธ์ เพื่อไปจับคู่กับอีกครึ่งหนึ่งของฝ่ายตรงข้าม

ลักษณะของยีนส์ ในกรุ๊ปเลือดต่างๆ (โดยยีนส์นั้นเป็นตัวกำหนดให้ร่างกายสร้าง Antigen นั้นๆบนผิวเม็ดเลือดแดง)
                                                  Group A     =    มียีนส์ AO หรือ AA
                                                  Group B     =   
มียีนส์ BO หรือ BB
                                                  Group AB   =  
มียีนส์AB
                                                  Group O     =  
มียีนส์ OO


ทีนี้มาดูว่า พ่อ กับแม่ แม่กรุ๊ปใด ให้ลูก กรุ๊ปใด ได้บ้าง
กรณีที่   1 ทั้งสองฝ่าย group A เหมือนกัน   จะเป็นได้ดังนี้
  ถ้าพ่อแม่เป็น AA+ AA ลูกจะเป็น AA ร้อยเปอร์เซนต์ (Group A ทั้งหมด) 
  ถ้าพ่อแม่เป็น A0 +AA ลูกจะเป็น AO กับ AA อย่างล่ะครึ่ง(   แต่ก็เป็น Gr A ทั้งหมด)
  ถ้าพ่อแม่เป็น A0 + AO ลูกจะเป็น AO 50% กับ AA กับ   OO อย่างล่ะ 25% (เป็น Gr A 75% กับ O 25%)
  ในทางปฏิบัติ คนกรุ๊ป A เราไม่ทราบหรอกครับ ว่ามันเป็น AA หรือ AO แต่จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นแบบใด   ลูกก็จะมีโอกาสเป็นได้แค่ Gr A หรือ O เท่านั้น
กรณีที่   2 ทั้งสองฝ่ายกรุ๊ป B เหมือนกัน 
  ก็ จะเหมือนกับ กรณีของ A ข้างบน แต่เปลี่ยนเป็น จาก A เป็น   B เท่านั้น 
  กรณีนี้ จะได้ลูกแค่ Gr B และ O เท่านั้น
กรณีที่   3 ทั้งสองฝ่ายเป็น AB เหมือนกัน   จะเป็นดังนี้
  AB+AB จะได้ ลูก AB 50% กับ AA และ BB อย่างล่ะ 25% 
  กรณีนี้จะได้ลูก Gr AB 50% และ A กับ B อย่างล่ะ 25% ไม่มีกรุ๊ป O เลย
กรณีที่   4 ทั้งสองฝ่ายกรุ๊ป O เหมือนกัน   จะได้ ดังนี้
  OO+OO จะได้ลูก เป็น OO 100% 
  กรณีนี้จะได้แต่ลูกกรุ๊ป O เท่านั้น ไม่มีกรุ๊ปอื่นปน
กรณีที่   5 ฝ่ายหนึ่ง Group A อีกฝ่ายกรุ๊ป   B จะเป็นได้ดังนี้
  AA + BB = ลูกได้ AB ร้อยเปอร์เซ็นต์(Gr AB ทั้งหมด)
  AO + BB = ลูกได้ AB ครึ่งนึง กับ BO ครึ่งนึง (Gr AB กับ Gr B อย่างล่ะครึ่ง)
  AA + BO = ลูกได้ AB กับ AO อย่างล่ะครึ่ง (Gr AB กับ   Gr A อย่างล่ะครึ่ง)
  AO+BO = ลูกได้ AB ,AO, BO, OO อย่างล่ะ 25% ( มีได้ทุกกรุ๊ป อย่างล่ะ 25% )
  กรณีนี้ จะเห็นได้ว่า ถ้าพ่อแม่   คนนึง Gr A อีกคน B จะมีลูกได้ ทุกกรุ๊ปเลย
กรณี   6 ฝ่ายหนึ่งกรุ๊ป A อีกฝ่าย   AB จะเป็นได้ดังนี้
  AA + AB จะได้ลูก AA และ AB อย่างล่ะครึ่ง(ได้ลูกกรุ๊ป A และ   AB อย่างล่ะครึ่ง) 
  AO +AB จะได้ลูก AA ,AO, AB, BO อย่างละ 25% (ได้ลูกกรุ๊ป A 50% และ กรุ๊ปAB กับ กรุ๊ป B อย่างล่ะ 25%)
  กรณีนี้จะเห็นว่า ถ้า ฝ่ายหนึ่งเป็น   A อีกฝ่ายเป็น AB จะได้ลูก   กรุ๊ป A ,AB,   B ได้ แต่ ไม่มีทางเป็น Gr O
กรณีที่   7 ฝ่ายหนึ่ง AB อีกฝ่าย B จะเป็นได้ดังนี้
  AB + BB จะได้ลูก BB และ AB อย่างล่ะครึ่ง(ได้ลูกกรุ๊ป A และ   AB อย่างล่ะครึ่ง) 
  AB +BO จะได้ลูก BB ,BO, AB, AO อย่างละ 25% (ได้ลูกกรุ๊ป B 50% และ กรุ๊ปAB กับ กรุ๊ป A อย่างล่ะ 25%)
  กรณีนี้จะเห็นว่า ถ้า ฝ่ายหนึ่งเป็น   AB อีกฝ่ายเป็น B จะได้ลูก   กรุ๊ป A ,AB,   B ได้ แต่ ไม่มีทางเป็น Gr O เหมือนกัน กับกรณีที่ 4
กรณีที่   8 ฝ่ายหนึ่ง Gr AB อีกฝ่าย O จะได้ดังนี้
  AB + OO จะได้ AO กับ BO 
  กรณีนี้จะได้ลูก กรุ๊ป A กับ B ไม่มี AB และ O
กรณีที่   9 ฝ่ายหนึ่ง Gr A อีกฝ่าย O จะได้ดังนี้
  AA + OO ได้ AO ทั้งหมด   (กรุ๊ป A ทุกคน)
  AO + OO ได้ AO กับ   OO อย่างละ50%
  กรณีนี้จะได้ลูก Gr A กับ O อย่างล่ะครึ่ง ไม่มี กรุ๊ป B กับ   AB
กรณีที่  10 ฝ่ายหนึ่ง Gr B อีกฝ่าย O จะได้ดังนี้
  BB + OO ได้ BO ทั้งหมด   (กรุ๊ป B ทุกคน)
  BO + OO ได้ BO กับ   OO อย่างละ50% 
  กรณีนี้จะได้ลูก Gr B กับ O อย่างล่ะครึ่ง ไม่มี กรุ๊ป A กับ   AB
สรุปจากสิบกรณี ข้างบนมาให้ดูง่ายๆคือ

คนหมู่เลือด A +A         = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด A ,O                                                                                คนหมู่เลือด B+B          = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด B,O
คนหมู่เลือด AB+AB     = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด A ,AB ,B (ได้ทุกกรุ๊ป ยกเว้น O)                                          คนหมู่เลือด O+O         = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด O เท่านั้น
คนหมู่เลือด A+B         = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด เป็นได้ทุกกรุ๊ป
คนหมู่เลือด A+AB       = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด A ,AB ,B(ได้ทุกกรุ๊ป ยกเว้น O)
คนหมู่เลือด B+AB       = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด A ,AB ,B(ได้ทุกกรุ๊ป ยกเว้น O)
คนหมู่เลือด AB+O      = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด ได้ A หรือ B 
คนหมู่เลือด A+O         = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด A หรือ O
คนหมู่เลือด B+O         = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด B หรือ O
คนหมู่เลือด A+B         = มีโอกาสได้ลูกเป็น หมู่เลือด A.,B,AB,O

แต่ถ้าเราสามารถระบุไปถึง ระดับยีนส์ได้ ว่าเป็นตัวไหนก็พยากรณ์ได้แคบลงตามตัวอย่างข้างบน (อาจจะดูได้โดยดูจากประวัติครอบครัวเช่น คนที่ Gr A หรือ Gr B ที่มาจาก พ่อแม่ ที่เป็น AB +AB ย่อมเป็น grA ที่มี ยีนส์ AA หรือ Gr B ที่มียีนส์ BB เป็นต้น 
 
ขอบคุณ   :  http://www.entrykitchen.com

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร (บุญใหญ่ อินทปญโญ) วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์