ปลูกไม้ยางนาเพื่อการอนุรักษ์
มารู้จักไม้ยางนากันก่อน
ชื่อสามัญ Yang
ชื่อวิทยาศาสตร์ Dipterocarpus alatus Roxb.
วงศ์ DIPTEROCARPACEAE
ชื่ออื่น กาตีล (เขมร-ปราจีนบุรี), ขะยาง
(ชาวบน-นครราชสีมา), เคาะ (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), จะเตียล (เขมร), ชันนา ยางตัง (ชุมพร), ทองหลัก (ละว้า), ยาง ยางขาว ยางแม่น้ำ ยางหยวก
ยางนา (ทั่วไป), ยางกุง (ลาว), ยางควาย
(หนองคาย), ยางเนิน (จันทบุรี), ราลอย
(ส่วยสุรินทร์), ลอยด์ (โซ่-นครพนม)
ลักษณะทั่วไป เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่สูงถึง 40 เมตร ไม่ผลัดใบ ลำต้นเปลาตรง
เปลือกเรียบหนาสีเทา โคนต้นมีพูพอน เรือนยอดเป็นพุ่มกลม
ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่แกมรูปหอกกว้าง ปลายใบสอบเรียว เนื้อใบหนา ดอกสีชมพู
ออกเป็นช่อสั้น ๆ สีน้ำตาล กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบประสานเหลื่อมกัน
ปลายกลีบบิดเวียนตามกันแบบกังหัน เกสรเพศผู้มี 25 อัน รังไข่มี 3 ช่อง
ออกดอกระหว่างเดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม ผลเป็นผลแห้งทรงกลม มีครีบตามยาว 5 ครีบ
ปีกยาว 2 ปีก
ขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
สภาพที่เหมาะสม เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินแทบทุกชนิด เป็นไม้กลางแจ้ง
ถิ่นกำเนิด ป่าดงดิบ และตามที่ต่ำชุ่มชื้นใกล้แม่น้ำลำธารทั่วไป
คุณค่าของไม้ยางนา
ไม้ยางนา
เป็นเสมือนพญาไม้แห่งเอเชียอาคเนย์ เพราะมีขนาดสูงใหญ่
มีถิ่นกำเนิดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย อาจมีความสูงถึง 50 เมตร และมีเส้นรอบวงที่ระดับอกถึง 7
เมตรเศษ ในประเทศไทยพบอยู่ทั่วไป ยางนาเป็นไม้อเนกประสงค์
แทบทุกส่วนสามารถก่อให้เกิดประโยชน์ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นแหล่งอาหารป่า
แหล่งนันทนาการ ใช้น้ำมันยางเป็นสมุนไพรและเนื้อไม้เหมาะสำหรับใช้สอยทั่วไป
จนพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2454 ได้ให้ความสำคัญของไม้ยางนา
เท่าเทียมกับไม้สัก โดยการกำหนดว่า “ทั้งไม้สักและไม้ยางทั่วไปในราชอาณาจักร
ไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใด (รวมทั้งในที่เอกชน) เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ซึ่งการทำไม้จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”
ผลจากการที่ไม้ยางนามีประโยชน์
สามารถใช้งานได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากอดีตที่ผ่านมา
จึงมีการตัดไม้ยางนาเพื่อใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชปรารภเมื่อปี พ.ศ. 2504
ด้วยทรงห่วงใยในสถานการณ์ของไม้ยางนาเมื่อกว่า 40
ปีที่แล้วว่า ” ไม้ยางนาในประเทศไทยได้ถูกตัดฟันไปใช้สอย
และทำเป็นสินค้ากันเป็นจำนวนมากขึ้นทุกปี
เป็นที่น่าวิตกว่าหากมิได้ทำการบำรุงส่งเสริม
และดำเนินการปลูกไม้ยางนาขึ้นแล้วปริมาณไม้ยางนา ก็จะลดน้อยลงไปทุกที
จึงควรที่จะได้มีการดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับการปลูกไม้ยางนาเพื่อจะได้นำความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติ " ความห่วงใยจากพระราชปรารภของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องยางนานี้
เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นให้คนไทยต้องหันมาคำนึงถึงการรักษาพันธุ์ไม้ในวงศ์ยางทั้งหลายให้เติบโตแพร่พันธุ์มากขึ้น
และอำนวยคุณ ประโยชน์เคียงข้างกับวิถีชีวิตของมนุษย์ ในแบบที่ไม่ทำร้ายกันและกัน (ที่มา :
http://gs.rmu.ac.th : ทัศนคติของประชาชนต่อการปลูกไม้ยางนาในจังหวัดมหาสารคาม )
เนื่องจากกฎหมายป่าไม้ พ.ศ 2484 กำหนดไว้ว่า " ไม้สัก ไม้ยาง ไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใดก็เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. เจ้าของที่ดินที่มีหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายจะตัดไม้ในที่ดินของตนเองได้ทุกชนิดโดยไม่ต้องขออนุญาต ยกเว้น ไม้สัก ไม้ยาง เพียง 2 ชนิดเท่านั้นที่ต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน " (ถ้ากระทำผิดเกี่ยวกับไม้สัก ไม้ยาง หรือไม้หวงห้ามประเภท ข. หรือไม้อื่นรวมกันเกิน 20 ต้นหรือท่อน หรือรวมปริมาตรไม้เกิน 4 ลูกบาศก์เมตร หรือไม้ที่ได้แปรรูปแล้วรวมปริมาตรไม้เกิน 2 ลูกบาศก์เมตร โทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 200,000 บาท ) ดังนั้นเมื่อท่านปลูกเสร็จ หรือก่อนปลูกไม้ใด ๆ ก็ตาม ขอให้ไปขึ้นทะเบียนสวนป่า
ที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประจำจังหวัด (ป่าไม้จังหวัดเดิม) จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะมาสำรวจว่าเหมาะสมตามที่เราร้องขอหรือไม่
(ส่วนมากจะผ่านเพื่อส่งเสริมการปลูกป่า) จากนั้นเราก็จะได้ทะเบียนสวนป่า
พร้อมฆ้อนประจำสวน เมื่อเราจะตัดเราก็ไปแจ้งว่าจะตัด โดยกฎหมายแล้ว
แค่แจ้งก็ตัดได้เลยไม่ต้องรอหนังสือตอบรับ ข้อดีของการขึ้นทะเบียนสวนป่าคือ
ง่ายในการขออนุญาตตัดในกรณี ไม้สักและยางนา (ไม้ป่าสงวน) ง่ายในการขนของห้ามเขตอำเภอ
ง่ายในการขอแปรรูป (แปรรูปด้วยเครื่องยนต์)
ง่ายในการที่จะขายให้พ่อค้า
เพราะพ่อค้าจะถามหาทะเบียนสวนป่าเสมอในกรณีไม้ยางนาและไม้สัก (ที่มา : http://www.tanai-korat.com และ http://kdindex.freeforums.org )
การขยายพันธ์และการผลิตกล้าไม้ยางนา
ปกติไม้ยางนาจะให้เมล็ดต่อต้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะให้เมล็ดที่สมบูรณ์ ประมาณ 70-80 % ของเมล็ดทั้งหมด การขยายพันธุ์เพื่อการปลูกสร้างสวนป่านิยมใช้เมล็ดเพื่อการขยายพันธุ์
เพราะสามารถเตรียมกล้าไม้ ได้เป็นจำนวนมาก และงานในการดูแลรักษา
การเพาะเมล็ดไม้ยางนา
กรณีที่ 1 การเพาะไม้ยางนาเพื่อการวิจัยในห้องเพาะเมล็ด พบว่าเมื่อทำการเพาะเมล็ดที่เก็บในสภาพธรรมชาติ โดยเด็ดปีกก่อนจะเริ่มงอกหลังจากเพาะ
4 วันและหลังจากที่เก็บไว้ในห้องเก็บเมล็ดไม้ที่อุณหภูมิ 15 องศา
เมล็ดจะเริ่มงอกหลับจากเพาะ 6 ½ วัน
และจะทยอยงอกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 30 วัน ในการเพาะเมล็ดเพื่อปลูกสร้างสวนป่าหรือเพื่อต้องการกล้าไม้จำนวนมาก
ๆ จะทำการเพาะในกระบะหรือในหลุมดินโดย เด็ดปีกออกเสียก่อน
แล้วนำเมล็ดกองรวมกัน ใช้กระสอบหรือฟางหรือใยมะพร้าวคลุมเมล็ดแล้วรดน้ำ เช้า- เย็น ทุกวัน หลังจากเพาะได้ประมาณ 1 สัปดาห์
เมล็ดก็จะเริ่มงอกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงประมาณ 1 เดือนหลังจากเพาะ (ที่มา : http://www.bungtaluo.com )
กรณีที่ 2 เตรียมวัสดุ / อุปกรณ์ ไดแก่ ถุงดำ ปุ๋ยคอก แกลบดำ แกลบดิบ ดินร่วนซุย และ เมล็ดพันธุ์ที่เราต้องการเพาะปลูก
(เคล็ดลับ)
ดินร่วนซุย 1 ส่วน
ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
แกลบดำ 1 ส่วน
แกลบดิบ 1 ส่วน
ฤดูการเก็บเมล็ดพันธุ์ จะอยู่ในช่วง เดือน เมษายน ถึง เดือน พฤษภาคม ของทุกปี
วิธีทำ
นำอัตราส่วนในการผสมดินที่เตรียมไว้มาคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วรดน้ำให้ชุ่ม หมักทิ้งไว้ประมาณ 7-10 วัน
แล้วนำมากรอกใส่ถุงดำ
ขณะที่กรอกใส่ถุงดำไม่ต้องอัดดินให้แน่นจนเกินไป ให้จับปากถุงกระแทกเบา ๆ แล้วใส่ดินให้เต็มพอดีถุง แล้วนำเมล็ดที่เตรียมไว้ (เมล็ดยางนา)
มาเสียบลงดินประมาณครึ่งเมล็ด
ทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ เมล็ดยางนาจะงอก
ให้รดน้ำทุกวันพอชุ่มไม่ต้องเปียกจนน้ำขัง
เก็บไว้ในที่ร่มมีแดดรำไร ต้นกล้าที่งอกได้ประมาณ 1-2 เดือน สามารถนำไปปลูกได้แต่จะอ่อนแอเพราะรากจะไม่ค่อยแข็งแรง
ถ้าต้นกล้ายางนาปลูกได้ผลดี คือต้นกล้าที่มีอายุตั้งแต่ 1-2
ปีขึ้นไป
(เคล็ดลับ)
เมล็ดยางนาก่อนนำมาเพาะต้องนำไปแช่น้ำ
2
คืน
แล้วนำเมล็ดยางนามาใส่ไว้ในกระสอบป่านรดน้ำให้ชุ่มทิ้งไว้ประมาณ 3 คืนแล้วเปิดดู
รากจะงอกเป็นสีขาว แล้วนำมาปักชำลงในถุงดำที่เราเตรียมไว้หลังจากนั้นประมาณ
2 สัปดาห์ ต้นยางนาก็จะงอกแล้วดูแลรดน้ำพอชุ่มทุกวัน ต้นกล้าจะตายยาก ที่มา : นายสมบูรณ์ สาลาด (ดื้อ) โทร. 08-5417-7702 ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านโนนรัง-บูรพา , พ่อจันทร์ที ประทุมภา
หมายเหตุ หากไม่สะดวกในการเพาะพันธุ์เอง แนะนำให้ซื้อต้นกล้าอายุ 1 ปีขึ้นไปมาทำการปลูก
วิธีการปลูกและระยะปลููกที่เหมาะสม ควรทำในช่วงฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายนระยะปลูกที่เหมาะสมควรใช้ ระยะห่าง 4x4 เมตร อัตราการรอดตายสูงมากและเจริญเติบโตได้ดี หลุมปลูกควรมี ขนาด 30x30x30 ซม. ก้นหลุมควรมีผิดดินที่ร่วนซุยหรืออาจใช้ปุ๋ยอินทรีย์
รองก้นหลุมเมื่อปลูกแล้วควรกลบหลุมให้ระดับผิวดินอย่าให้น้ำขัง
รองก้นหลุมเมื่อปลูกแล้วควรกลบหลุมให้ระดับผิวดินอย่าให้น้ำขัง
ที่มา : http://www.kasetporpeang.com
***รายละเอียดของการปลูกไม้ยางนา....ยังมีอีกหลายประการด้วยกัน หากท่านสนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้นะครับ และคงจะทิ้งท้ายด้วยคำพูดดี ๆ ที่ท้าทายของคุณณรงค์ สังขะโห ผู้มีประสบการณ์ตรง คือ
ยางนามีค่าดังทองคำ
ยางนาได้ถูกเปรียบเทียบค่าเทียบทองคำ โดยยางนา 1 ต้น อายุ 20 ปีจะมีมูลค่า 15,000 - 20,000 บาท เท่ากับทองคำหนัก 1 บาท ยางนาเป็นไม้ให้เนื้อไม้มาก ยิ่งอายุมากยิ่งให้มูลค่าเนื้อมากเสมือนเป็นไม้มรดกให้แก่ลูกหลานในอนาคต ( ถ้าลูกหลานปลูกยางนาไว้คนละหลายต้น.....ก็เหมือนกับการออมทรัพย์ไว้ใช้เมื่อวัยหนุ่มสาว)
ปลูกไม้ใช้หนี้
ยางนาให้มูลค่าทางเศรษฐกิจมาก เมื่ออายุ 20 ปี จะมีมูลค่า 15,000 - 20,000 บาท เท่ากับมีมูลค่าเฉลี่ย วันละ 8 บาท หากปลูกยางนาไว้หัวไร่ปลายนา 100 ต้นจะมีรายได้วันละ 800 บาท เดือนละ 24,000 บาท เฉลี่ยปีละ 288,000 บาท เป็นทางรอดของการแก้หนี้แก้จน
โทร. 08-9612-4007
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น