ลวดลายผ้าซิ่นตีนจกลับแล
หัตถกรรมการทอผ้าซิ่นตีนจกของชาวลับแล มีมานานพร้อมกับการตั้งถิ่นฐานของชาวเมืองลับแล ประเพณีการทอผ้าซิ่นตีนจกนั้นผู้หญิงชาวลับแลจะได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้มีการถ่ายโอนความรู้ และมรดกทางภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าของการ ทอผ้าซ่ินตีนจกไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนหมู่บ้านในแถบตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เรียกได้ว่าเป็นเสมือนต้นกำเนิดของมรดกทางภูมิปัญญาชิ้นเอกนี้ ....เนื่องจากเป็นชุมชนชาวไท-ยวน กลุ่มแรกที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานทำมาหากินในเขตเมืองลับแล ราว พ.ศ. 2006 เป็นต้นมา
ปัจจุบันในขณะที่หลายคนมองเห็นความสำคัญของผ้าซิ่นตีนจก แต่หากสังคมส่วนใหญ่ยังนิ่งเฉย......ไม่มีการกระตุ้น....เร่งเร้า...ให้กำลังใจ....ตลอดจนสร้างสรรค์กิจกรรมการสืบทอดภูมิปัญญาที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของชาวลับแลดั้งเดิมไว้ให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้...ซึมซับ คติ ความเชื่อ ค่านิยม ...จากเส้นด้ายทักทอเป็นผืนผ้าที่สวยงามวิจิตรแล้ว ในอนาคตอาจคงหลงเหลือไว้แต่ตำนานเล่าขานกันเท่านั้นก็เป็นได้....ดังส่วนหนึ่งของคำสัมภาษณ์ผู้สูงวัยของชุมชนบ้านท้องลับแล....ที่กล่าวว่า
"...น่าเสียดายของบ้านเรามีดีมากนัก แต่ไม่เคยมีใครมากระตุ้นชาวบ้านให้เก็บรักษาไว้
กว่าทีมวิจัยจะมาก็เกือบสายไปเสียแล้ว....น่าเสียดายที่คนบ้านเราไม่รู้ค่า และไม่รู้ว่า
อีกหน่อยคนเฒ่าคนแก่อย่างแม่นี้ จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน หากไม่เก็บไว้อีกหน่อยคน
บ้านเราก็คงไม่ต่างจากคนทางใต้(คนภายนอกชุมชน) ที่ไม่รู้จักตัวของตัวเองเลย...."
ที่มา : www.youtube.com/watch?v=6Z6ZqUEndMs
จาก MV เพลง " ทอศรัทธา (ผ้าลับแล) " คงทำให้เห็นภาพวิถีชีวิตของชาวลับแลบ้างพอสังเขป โดยเฉพาะการทอผ้า และตัวอย่างของลายผ้าซิ่นตีนจกลับแลนะครับ....และเพื่อให้เป็นการเรียนรู้ร่วมกันจำเป็นต้องทราบถึง รูปแบบของผ้าซิ่นตีนจก และลวดลายผ้าซิ่นตีนจก ควบคู่กันไป ดังนี้
รูปแบบของผ้าซิ่นตีนจก
รูปแบบของผ้าซิ่นตีนจกของอำเภอลับแลจากอดีต - ปัจจุบัน สรุปได้เป็น 3 ยุค ด้วยกัน คือ
ยุคแรก : ซิ่นดอกเคียะ |
ยุคแรก : ซิ่นกาฝากเขียว |
ยุคแรก เป็นผ้าซิ่นตีนจกที่มีอายุประมาณ 150 ปีขึ้นไป ทอด้วยฝ้ายปนไหม ลักษณะลวดลายตีนจกจะเป็นแบบมาตรฐานของซิ่นตีนจกเชียงแสนโบราณ คล้ายคลึงกับลวดลายตีนจกโบราณที่พบในวัฒนธรรมไท-ยวนเชียงแสนที่อพยพไปอยู่ยังแหล่งต่าง ๆ เช่น ที่อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ที่อำเภอดอนแร่ และตำบลคูบัว อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เป็นต้น
ตัวซิ่นของยุคแรกนี้เป็นซิ่นลายขวาง เย็บตะเข็บเดี่ยว วรรณสีเด่น คือ สีแดง สีเหลือง สีเขียว ลวดลายบนตัวซิ่นที่ใช้เทคนิคจกนิยมสีเหลือง มักเรียกกันว่า ซิ่นลายดอกเคียะ หรือซิ่นดอกเคียะ
ยุคแรก : ซิ่นกาฝากแดง |
นอกจากนี้ก็มีตัวซิ่นลายขวางที่ใช้เทคนิคปั่นไกแทนลายจก มี 2 แบบ คือ ซิ่นพื้นสีเขียว เรียกว่า ซิ่นตาฝากเขียว หรือ ซิ่นกาฝากเขียว ลายริ้วขวางเป็นสีแดง และเหลือง
ลักษณะตีนจกมีลายหลักเป็นลายโคม แบบเชียงแสน และมีลายประกอบ 2-4 แถว ส่วนล่างสุดมีลายลักษณะเป็นเส้น ๆ แบบชายครุยเรียกว่า ลายสร้อยสา นิยมจกด้วยไหมสีสดหลากสี สีที่เด่น คือ สีแดง สีเหลือง สีเขียว พื้นผ้าเป็นฝ้ายสีแดง แถบล่างสุดเป็นสีเหลือง เรียกว่า เล็บเหลือง
ลายซิ่นในยุคกลาง |
ยุคกลาง เป็นผ้าซิ่นตีนจกที่มีอายุราว 100 ปี ยุคนี้ตัวซิ่นจะเปลี่ยนจากซิ่นลายดอกเคียะ หรือซิ่นกาฝาก มาเป็นตัวซิ่น 3 แบบ คือ ตัวซิ่นมุก ตัวซิ่นไก และตัวซิ่นสิ้ว ส่วนลักษณะตีนจกยังคงคล้ายคลึงกับยุคแรก คือ ผ้าพื้นเป็นฝ้ายสีแดงสด จกลวดลายด้วยไหม ใช้สีย้อมธรรมชาติ 4-5 สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีดำ สีบานเย็น และสีม่วง
ตัวซิ่นมุก ตัวซิ่นไก และตัวซิ่นสิ้ว ที่เย็บต่อตีนจกในยุคนี้จะมีลักษณะเด่น คือ เปลี่ยนแปลงจากแถบสีแดงที่เป็นรอยต่อหัวซิ่น ตัวซิ่น และตีนซิ่น มาเป็นแถบสีเหลืองแทน โดยใช้เทคนิคจกทำให้ดูกลมกลืนกับตัวซิ่น ลายจกที่นิยมจะมีสีเหลืองเป็นจุดเด่นเหมือนกัน
ลายซิ่นในยุคที่สาม |
ลายซิ่นในยุคที่สาม |
ยุคที่สาม ผ้าซิ่นตีนจกในยุคนี้มีอายุราว 60-80 ปี ตัวซิ่นจะมี 3 แบบ เหมือนยุคกลาง คือ ตัวซิ่นมุก ตัวซิ่นมุก และตัวซิ่นสิ้ว แต่ส่วนใหญ่จะนิยมตัวซิ่นมุกมากกว่า ส่วนลักษณะต้นจกจะแตกต่างจากสองยุคแรก คือ ผ้าพื้นเป็นฝ้านสีดำ จกลวดลายด้วยไหมสีเขียวอ่อน และสีเขียวแก่ ลวดลายจกเต็มส่วนตีนซิ่น และมีขนาดกว้างกว่าสองยุคแรก ผ้าซิ่นตีนจกในยุคที่สามนี้เป็นแบบที่พบทอในบ้านน้ำอ่าง อำเภอตรอน
ลายซิ่นในยุคที่สาม |
ลวดลายผ้าซิ่นตีนจกลับแล
จากข้อมูลทั้ง 3 ยุค พบลวดลายตีนจกของอำเภลับแล ซึ่งเป็นลวดลายที่เป็นหลักอยู่ตรงกลาง ของการทอผ้าตีนจก จะมีขนาดใหญ่กว่าเด่นกว่าลายประกอบ ลวดลายหลักมีทั้งหมด 16 ลาย จำแนกเป็นกลุ่ม ๆ ดังนี้
กลุ่มลายหงส์ ( 5 ลาย)
1. ลายซิ่นหงส์น้อย |
2. ลายซิ่นหงส์ถะลาม(หงส์ขนาดกลาง) |
3. ลายซิ่นหงส์ใหญ่ |
4. ลายซิ่นหงส์เครือ |
5. ลายซิ่นหงส์ขัง |
กลุ่มลายนก ( 1 ลาย)
6. ลายซิ่นนกน้อย |
กลุ่มลายขอ ( 3 ลาย)
|
7. ลายซิ่นดอกสองขอ |
8. ลายซิ่นดอกสี่ขอ |
9. ลายซิ่นดอกแปดขอ |
กลุ่มลายงู ( 2 ลาย)
10. ลายซิ่นงูเหลือม |
11. ลายซิ่นงูเหลือมสามตัว |
กลุ่มลายเก็ดถวา ( 2 ลาย)
12. ลายซิ่นเก็ดถวา หรือประแจจีน |
13. ลายซิ่นเก็ดถวาในห้องแปดเหลี่ยม |
กลุ่มลายดาวดึงษ์ ( 3 ลาย)
14. ลายซิ่นดาวดึงษ์ |
15. ลายซิ่นดาวเสด็จ |
16. ลายซิ่นดอกเคียะ |
ทิ้งท้าย ......ผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะลายเส้น รวมทั้งนักเรียนและเยาวชน ควรใช้ลวดลายผ้าซิ่นตีนจกข้างต้นเป็นฐานในการฝึกฝน ...พัฒนา...สร้างสรรค์งานศิลป์....เพื่อตนเองและเพ่ือท้องถ่ินต่อไป
ที่มา : 1. โครงการวิจัยการฟื้นฟูอัตลักษณ์จากภูมิปัญญาผ้าซิ่นตีนจก ของชุมชนบ้านท้องลับแล ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล
จังหวัดอุตรดิตถ์ 2552 ...โดย อัษนัย กางมูล และคณะ)
2. http://www.chaijumphon.go.th
3. http://www.qsds.go.th/silkcotton/k_13.php
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น