เครื่องถม” งานประณีตศิลป์ชั้นสูงของคนไทย
“เครื่องถม” เป็นงานประณีตศิลป์ชั้นสูงอย่างหนึ่งที่คนไทยรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว ปรากฏในพงศาวดารว่า เครื่องถมเป็นหนึ่งในเครื่องราชูปโภคของไทยมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา
งานเครื่องถม จะเป็นศิลปะการประดับตกแต่งเครื่องใช้และภาชนะต่างๆให้มีความสวยงาม ด้วยการทำลวดลายที่ขูดลงบนผิวภาชนะที่เป็นเงินหรือทองให้เด่นชัดขึ้น และถมโลหะสีดำลงไปในร่องที่ขูดหรือสลักเป็นลายนั้นให้เต็ม จึงทำให้เครื่องถมนั้นมีลวดลายแกะสลักเป็นสีเงินหรือสีทอง ตัดกับสีพื้น ซึ่งเป็นสีของน้ำยาสีดำสนิท อาจจำแนกงานเครื่องถมออกได้ ๓ ประเภท ได้แก่
๑. ถมดำ หรือ ถมเงิน เป็นงานถมที่เก่าแก่ที่สุด มีลักษณะเป็นเนื้อถมที่ถมลงไปอยู่บนพื้นตามร่องลายเป็นสีดำมัน ซึ่งเนื้อถมจะขับลวดลายให้เด่นงดงามอยู่บนพื้นสีเงิน
การทำเครื่องถมจะทำได้เฉพาะภาชนะเครื่องใช้ที่เป็นเงินหรือทองเท่านั้น เนื่องจากหากทำด้วยโลหะชนิดอื่นๆเช่น ทองแดง แล้วจะถมไม่ติด
เครื่องถมเป็นสิ่งของและภาชนะเครื่องใช้ที่นิยมกันมากสำหรับคนไทยมาแต่โบราณ มีนับตั้งแต่ กระโถน คนโท กล่องยา แอบหมาก เชี่ยนหมาก ฯลฯ และยังใช้เป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศของเจ้านายและขุนนางไทยในสมัยต่างๆอีกด้วย
เครื่องถมจะมีกำเนิดขึ้นในเมืองไทยในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานเป็นที่แน่ชัด กล่าวกันว่าเครื่องถมที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดเป็นของชาวโรมัน ต่อมาความรู้ในการทำเครื่องถมได้แพร่หลายเข้ามาสู่ประเทศไทย มีผู้ให้ความเห็นว่า น่าจะมาจากชาวโปรตุเกส ซึ่งได้เข้ามาทำการค้าครั้งแรกในราชอาณาจักรไทยตามหัวเมืองใหญ่ ๔ หัวเมือง คือ นครศรีธรรมราช ปัตตานี ปะริด และกรุงศรีอยุธยา ทำให้คนไทยรับเอาศิลปะวิทยาการดังกล่าวไว้
แม้ว่าความรู้ที่เกี่ยวกับการทำเครื่องถมจะเป็นวิทยาการที่คนไทยรับมาจากต่างชาติ แต่เมื่อได้นำมาใช้อยู่ในสังคมไทยแล้ว ช่างไทยได้ใช้ในการทำสิ่งของเครื่องใช้อย่างไทย และทำลวดลายประดับเป็นอย่างไทย จึงทำให้งานเครื่องถมมีพัฒนาการกลายมาเป็นงานช่างศิลป์ไทยไปในที่สุด
การทำเครื่องถมปรากฏอยู่ในสังคมไทยมาเป็นเวลานาน ดังปรากฏหลักฐานกล่าวถึงอยู่ในกฏมนเฑียรบาล ที่ตราขึ้นในสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ กล่าวว่า “ขุนนางศักดินา ๑๐๐๐๐ กินเมือง กินเจียดเงินถมยาดำรองตะลุ่ม”
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนไทยรู้จักทำเครื่องถมมาแล้วอย่างน้อยก็ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น และในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กรุงศรีอยุธยามีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมาก ทรงโปรดให้ใช้เครื่องถมเป็นเครื่องราชบรรณาการถวายแก่พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งฝรั่งเศส
ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์งานเครื่องถมคงมีการทำสืบทอดต่อมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยา ดังเช่น พระแท่นออกขุนนางถม และพระเสลี่ยงถม ที่ทำถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ และเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี(หนูพร้อม) ก็ได้นำช่างถมเมืองนครศรีธรรมราชมาสร้างพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ซึ่งเป็นพระที่นั่งถมทองขนาดใหญ่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
นอกจากนี้ในกรุงเทพฯ ยังปรากฏมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เรียกชื่อว่า “บ้านพานถม” อยู่หลังวัดปรินายก ใกล้สะพานเฉลิมวันชาติ ถนนพระสุเมรุ ชาวบ้านนี้ทำพานถม ขันถม ขายมาแต่โบราณ เล่ากันว่าชาวบ้านเหล่านี้อพยพมาจากเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยรัชกาลที่ ๑ ทุกวันนี้หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ได้ทำเครื่องถมอีกแล้ว
ปัจจุบันศิลปะการทำเครื่องถมมีเหลือน้อยมาก ทั้งนี้คงเป็นเพราะเครื่องถมเป็นของที่มีค่าและมีราคาสูง จึงใช้กันอยู่แต่ในราชสำนัก และในแวดวงผู้มีฐานะดีเท่านั้น ขณะเดียวกันการทำเครื่องถมต้องเป็นงานที่ใช้ฝีมือและความละเอียดประณีตสูงซึ่งต้องทำด้วยมือล้วนๆ อีกทั้งต้นทุนการผลิตก็สูงขึ้น และช่างฝีมือดีๆ ก็นับวันจะลดลง
ขอบคุณ FB สุรพล ดำริห์กุล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น