เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์กันฝนในวัฒนธรรมของชาวเอเชีย
ในอดีตหากคิดว่าร่ม คือ สิ่งประดิษฐ์ในการกันแดดกันฝนที่ยอดเยี่ยมแล้ว แต่มนุษยชาตินั้นไม่เคยหยุดคิดค้นและการถืออะไรบางอย่างตลอดเวลาเพื่อกันไม่ให้ฝนโดนตัวนั้น เป็นเรื่องที่ยากลำบากในการดำเนินชีวิตมากทีเดียว ดังนั้นเราจะมาย้อนดูประวัติศาสตร์ของเสื้อกันฝนและอุปกรณ์กันฝน เพื่อคำตอบเดียวของคำถามที่ว่า ‘ทำไมเราจึงต้องใช้มือหากต้องการให้ตัวแห้ง’
ชาวจีนรู้จักเสื้อกันฝนที่ถักทอจากฟางข้าว ใบไผ่และหวายเรียกว่า ‘ซัวอี้’ (Suōyī) มาช้านาน นับเป็นเครื่องแต่งกายที่ขาดไม่ได้โดยเฉพาะชาวบ้านที่ต้องมีติดตัวไว้แทบทุกบ้านในฤดูฝน และนอกจากจะป้องกันฝนแล้ว ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของเสื้อกันฝนของคนจีนคือใช้สำหรับใส่เพื่อป้องกันอากาศหนาวเย็นและให้ความอบอุ่นในฤดูหนาวได้เช่นกัน
ที่ญี่ปุ่น ‘มิโนะ’ (Mino) เป็นเสื้อกันฝนแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมทอจากฟางข้าวด้วยความประณีตตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่น มิโนะแบบดั้งเดิมมีลักษณะแบ่งเป็น 2 ส่วน สวนแรกคล้ายแจ๊กเก็ตที่ปกคลุมท่อนบนของร่างกาย ส่วนที่ 2 คล้ายกระโปรงสั้นถูกใช้เพื่อปกปิดส่วนล่างของลำตัว นอกจากนี้ยังมีหมวกฟางที่คล้ายกันถูกนำมาใช้ในประเทศจีนเวียดนามและเกาหลีเพื่อป้องกันฝน
หญิงชาวญี่ปุ่นบนเสลี่ยงที่หามโดยผู้แบกที่สวมใส่ 'มิโนะ' เสื้อกันฝนที่ทอจากฟางข้าวแบบฉบับดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น
'กุบแมงดา' หมวกกันแดดกันฝนทำจากไม้ไผ่สานเป็นโครงกรุด้วยใบไม้ไผ่หรือกาบไผ่ พบมากในวัฒนธรรม มอญ ลัวะ และกะเหรี่ยง ใช้สวมใส่ในการดำนาปลูกข้าวในฤดูฝน
ในญี่ปุ่นสมัยก่อนผู้ที่เดินทางหรือทำงานข้างนอกท่ามกลางสายฝนจะสวมเสื้อคลุมมิโนะ ซึ่งทำจากฟาง มิโนะแบบดั้งเดิมสามารถคลุมทั้งตัว นอกจากนี้ยังมีหมวกฟาง
ฟางข้าวนอกจากจะราคาถูก เป็นวัสดุที่หาได้ทั่วไป เบาและใช้ทอเป็นชุดกันน้ำฝนได้
ภาพชายชาวญี่ปุ่นในเครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังสวมทับด้วยเสื้อกันฝนที่ทำจากฟางข้าว
ชุดกันฝนของชาวญี่ปุ่นโบราณ
เสื้อกันฝนที่สร้างจากใบไผ่และฟางข้าวที่ทหารแห่งกองทัพแดงจีนเคยใส่
นอกจากจะกันฝนแล้ว เสื้อกันฝนยังถูกประยุกต์นำมาสวมใส่ให้ความอบอุ่นกับร่างกายในฤดูหนาวอีกด้วย
ขอบคุณ : เครือข่ายพิพิธภัณฑ์กลางเวียงเชียงใหม่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น