งาม้อน พืชให้โอเมก้า 3...ทดแทนปลาทะเลน้ำลึก


       
      

งาม้อน หรือ งาขี้ม้อน เป็นพืชสมุน ไพรที่ปลูกในประเทศไทยกันมานานในพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน เป็นต้น มีพื้นที่ปลูกทั้งหมดประมาณ 3,400 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 80 กิโลกรัมต่อไร่

จากรายงานของ คุณพรรณผกา  รัตนโกศล นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรน่าน สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 เชียงใหม่ รายงานว่าได้ทำการสำรวจการปลูกงาม้อนในเขตภาคเหนือตอนบนในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ และน่าน  พบว่างาม้อนมีการปลูกกระจายทั่วไปในพื้นที่ดอนเชิงเขา  ผลการสำรวจทั้งหมด 30 แหล่งผลิต  พบว่างาม้อนมีทั้งหมด 130 สายพันธุ์ มีทั้งขนาดเมล็ดใหญ่ เมล็ดเล็ก และมีสีต่าง ๆ กัน ตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลไหม้ สีเทาเข้ม เทาอ่อนจนถึงสีขาว การปลูกงาม้อนส่วนใหญ่จะปลูกในพื้นที่ดอน และอาศัยน้ำฝน เกษตรกรที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย

งาม้อน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง งาม้อนมีกรดไขมันอิ่มตัวสูง มีฟอสฟอรัส และแคลเซียมมากกว่าพืชผักทั่วไปหลายเท่า มีแคลเซียม 410-485 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม นอกจากนั้นยังอุดมด้วยวิตามินบี และมีสารเซซามอลที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนกล่าวว่า สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งและยังช่วยให้ร่างกายแก่ช้าลงอีกด้วย มีข้อมูลจากห้องปฏิบัติการ โภชนาการหน่วยบริการการวิจัยด้านอาหาร กรมวิชาการ-เกษตรแห่งสหรัฐ อเมริการะบุว่า  บุคคลทั่วไปอายุ 10-18 ปี และอายุ 19-65 ปี ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน และอายุมากกว่า 65 ปีต้องการแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัมต่อวัน
               
                   

จาก รายงานระบุผลวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ พบว่าน้ำมันงาม้อนมีโอเมก้า 3 ถึงร้อยละ 56 และเป็นโอเมก้า 6 ร้อยละ 23 คุณพรรณผกา   กล่าวว่า เมื่อพูดถึงโอเมก้า 3 หลายคนคงนึกถึงน้ำมันปลา (fish oil) ซึ่งสกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึกที่มีสรรพคุณบำรุงสมอง แต่ราษฎรที่อยู่ตามยอดดอยต่าง ๆ ในภาคเหนือของประเทศไทย อยู่ห่างไกลทะเล ไม่ได้ขาดโอเมก้า 3 เลย  เนื่องจากเขามีพืชที่วิเศษที่เป็นแหล่งโอเมก้า 3 คืองาม้อนนั่นเองสารสกัดจากเมล็ดงาม้อนเป็นแหล่งของกรดไขมันจำเป็นคือ โอเมก้า 3

คุณพรรณผกา  กล่าวว่า ใบงา ม้อนเป็นอาหารราคาแพงของเกาหลี  การสกัดสารออกมาในรูปของน้ำมัน ทำได้จากเมล็ดและใบสด น้ำมันที่สกัดจากเมล็ดใช้ทำอาหารและยา น้ำมันที่สกัดจากใบใช้เป็นน้ำมันหอมระเหย ในญี่ปุ่นใช้เป็นสารแต่งรสชาติ ใช้เป็นสารแต่งกลิ่นอาหาร และมีสรรพคุณแก้เคล็ดขัดยอก ลดริ้วรอยบนใบหน้า บำรุงผิวหน้า นอกจากนี้น้ำมันหอมระเหยจากใบงาม้อนยังมีราคาถูกกว่า   เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันกุหลาบ และมีศักยภาพที่จะสามารถใช้แทนที่น้ำมันหอมระเหยจากกุหลาบในอุตสาหกรรมเครื่องหอมอีกด้วย

“เราได้ทำการสำรวจการปลูกงาม้อนในเขตภาคเหนือตอนบนในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ และน่าน พบว่ามีการปลูกกระจายทั่วไปในพื้นที่ดอนและเชิงเขา ผลการสำรวจทั้งหมด 30 แหล่งผลิตงาม้อน 130 สายพันธุ์ มีความแตกต่างทั้งขนาดเมล็ดใหญ่ เล็กไม่เท่ากัน  สีต่างกันตั้งแต่น้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลไหม้ สีเทาเข้ม เทาอ่อนจนถึงสีขาว ซึ่งมีปริมาณน้ำมันและโอเมก้า 3 แตกต่างกัน”    

เนื่องจากงาม้อน มีความหลากหลายทางพันธุกรรม ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรน่าน จึงได้ดำเนินการทดลองปลูก เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์งาม้อนที่มีคุณภาพดี และ มีผลผลิตสูง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่า ปี 2555-2556 ศูนย์ฯ คงจะได้มีงาม้อนสายพันธุ์ดีที่จะแนะนำ ให้เกษตรกรปลูกเสริมรายได้ต่อไป คุณ พรรณผกา กล่าวสนใจข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัย และพัฒนาการเกษตรน่าน ถนนน่าน-ทุ่งช้าง ต.ทุ่งช้าง อ.เมือง จ.น่าน (นวลศรี โชตินันทน์).


ขอบคุณ  :  http://www.dailynews.co.th

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร (บุญใหญ่ อินทปญโญ) วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์