สัญญาณ 'ใต้เงาจันทร์' คืนเดือนเพ็ญ

 
 

 

ก็อยากถามแต่ละท่านว่า ได้อ่านคำพิพากษาศาลโลก ๑๑/๑๑/๑๓ จบครบถ้วนกันแล้วใช่ไหม เมื่ออ่านแล้ว มีความเข้าใจแต่ละประเด็นตามที่ศาลตัดสินชัดเจนกันแล้วใช่ไหม?

สำหรับผม บอกตรงๆ อ่านแล้ว แต่อ่านยังไม่ครบทั้งหมด ถ้าถามต่อว่า แล้วมีความเข้าใจแจ้งกระจ่างชัดในคำพิพากษาขนาดไหน อย่างไร ก็ขอตอบตามตรง  ยัง "งงๆ-โง่ๆ" มากกว่า "เข้าใจ"!

ยังไม่มีความกระจ่างชัด ยังต้องคอยฟัง-คอยอ่านคำอธิบายขยายความ จากท่านผู้รู้อีกมาก เช่น จากทีมทนายต่างชาติของไทย โดยเฉพาะท่านทูตวีรชัย พลาศรัย จาก ส.ส.-ส.ว.ในรัฐสภา จากนักวิชาการ และจากผู้รู้ด้านกฎหมายทั้งหลาย

ที่สำคัญ ผมรอรับรู้-รับทราบ "ท่าที-แนวทาง" จากรัฐบาล และจากทหาร ว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพิพากษานั้น และนำไปสู่ "แผนปฏิบัติการ" ในพื้นที่ ในทางใด อย่างใด?

เพราะในความเห็นผม คำพิพากษาศาลโลก เป็นแค่ "นามธรรม" ไม่มีตัวตนให้สัมผัสจับต้องได้  ปฏิกิริยาท่าที "รัฐบาล-ทหาร" นั่นแหละ "รูปธรรม" ที่มีตัวตนให้จับต้องได้ พูดชัดๆ คือ คำพิพากษานั้น มีผลหรือไม่มีผลกับไทยเรา  จะรู้-จะเห็น-จะเป็นจริง ก็ต่อเมื่อรัฐบาล-ทหาร "แอคชั่น"!

ดังนั้น ด้วยสติ-ปัญญาที่ยังเข้าไม่ถึงคำพิพากษาของผม  และยังจินตนาการถึงพื้นที่ตามคำพิพากษาไม่ถูก          ขออนุญาตไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่อง "เสีย-ไม่เสียดินแดน" ในเรื่อง "เราแพ้-เขาชนะ" หรือ "เราชนะ-เขาแพ้" อันเป็นผลจากการตีความคำพิพากษาเดิมของศาลโลก

เพราะการแสดงความคิดเห็น "ด้วยคิดเอา-นึกเอา-เข้าใจเอา" ไม่อยู่บนฐานความรู้-ความเข้าใจในคำฟ้อง-คำพิพากษาที่ถูกต้อง  นั่นจะอันตรายต่อประเทศ และต่อสังคมรวม มากกว่าจะเป็นคุณ ถ้ารีบร้อน-รวบรัด "ฟันธง" ในขณะที่ยังไม่ตกผลึกในคำพิพากษา  และรัฐบาล-ทหาร ยังไม่ประกาศ "ชัดในท่าที" ทางใดออกมา!

ผมเข้าใจว่า ระยะ ๔-๕ วันนี้ รัฐบาล+ทหาร คงประชุม "แกะคำพิพากษา" ทั้งหมด  แกะออกมาแล้ว ก็คงศึกษาเพื่อทำความเข้าใจว่า พื้นที่ตามคำพิพากษานั้น คือตรงไหนบ้าง?  และคำว่า "พื้นที่เล็กมากๆ" ที่ศาลว่าเป็นของเขมรตามคำพิพากษาเดิมนั้น มันคือตรงไหน ขนาดไหน เท่าไหร่?  และจากคำพิพากษา แยกแยะหมวดหมู่ว่า ไทยได้อะไร เขมรเสียอะไร และไทยเสียอะไร เขมรได้อะไร?

เมื่อฝ่ายไทยศึกษาและถอดรหัสคำพิพากษาออกมาเป็นรูปร่างเป็นที่เข้าใจดีแล้ว ก็คงกำหนดท่าทีที่เรียกว่า "กำหนดกรอบ"  เพื่อนัดประชุมหารือ หาข้อตกลงร่วมกับฝ่ายเขมร!

สรุป คือ ในเมื่อไทย-เขมรยังไม่มีการประชุมตกลงกัน ตอนนี้ ถือว่าทุกอย่าง "อยู่ในสภาพเดิม" ไม่มีใครได้-ใครเสีย เพราะกรอบใหญ่ตามคำพิพากษา "ให้ทั้ง ๒ ฝ่ายตกลงกันเอง"

เรื่องพื้นที่ข้างเคียงตัวปราสาท เรื่องแผนที่ เรื่องเส้นเขตแดน ทั้งหลาย-ทั้งปวง "ศาลโลก" เป็นผู้บอกเท่านั้น 
"ไทย-เขมร" ตะหาก เป็นฝ่ายตัดสินใจกันเองว่า จะพอใจเอากัน-ไม่เอากันอย่างไร ในหลักการ "เป็นพื้นที่มรดกโลก ที่ทั้ง ๒ ประเทศต้องช่วยกันดูแลรักษา"

ถึง ณ นาทีนี้ ผมเชื่อว่า พื้นที่ตรงไหนเป็นของไทย "ทหารไทย" ยังอยู่ตรงนั้น  ไม่มีถอย ไม่มีถอนเด็ดขาด!
ทุกอย่าง ทั้งพื้นที่เขมร-พื้นที่ไทย "ตามคำพิพากษา" จะมีการขยับขยาย ไม่ขยับขยายอย่างไร แค่ไหน นั่นขึ้นอยู่กับผลประชุมร่วมไทย-เขมรเท่านั้น

ด้วยความเห็นของผมต่อเรื่องนี้ เป็นเช่นนี้ จึงขอเป็นฝ่ายรอดูสักพัก ขืนพูดอะไรมากไป รังแต่จะเพิ่มความสับสน-วุ่นวายในเรื่องราว ไม่เป็นผลดีกับ "ประโยชน์แผ่นดิน"

พูดเรื่องของเราดีกว่า..... เรื่อง เฉดหัว "ยิ่งลักษณ์-สมศักดิ์-นิคม" ออกไป!  แต่ขอเตือนนิดหนึ่ง พี่น้องทั้งหลาย ความมุ่งมั่นขจัดมารแผ่นดิน จิตใจต้องคึก ไม่ต้องเครียด เรื่องเครียดยกให้รัฐบาล ให้ยิ่งลักษณ์เขา

วานซืน (๑๒ พ.ย.) จู่ๆ รศ.ดร.วรพล พรหมิกบุตร  อาจารย์ธรรมศาสตร์ที่เป็น "นักวิชาการเสื้อแดง" จู่ๆ ก็เสียชีวิต ด้วยหัวใจวายเฉียบพลัน ทราบข่าวกันแล้วใช่ไหม  ก็ขอแสดงความเสียใจต่อญาติและครอบครัวท่านด้วย!
ที่ยกมาพูด เพราะอยากเตือนสติฝ่ายรัฐบาล เห็นแต่ละคนออกจอทีไร นึกว่าดั้นฝาตูดหม้อแกงขึ้นมา เพราะดำมิดหมี แสดงว่า ยามกินไม่ได้นอน ยามนอนไม่ได้กิน  ระวัง...โรคเครียดจะลงกระเพาะ ผมละห่วงจุงเบย!
คอยชมขบวน "พาเหรดไล่มาร" ของคุณสุเทพ ณ ราชดำเนินเขา ณ ศุกร์ที่ ๑๕ พ.ย.นี้แก้เครียด ได้ยินว่านอกจากอาหารดี ดนตรีเพราะเหมือนทุกวัน-ทุกคืนแล้ว คุณสุเทพจะเปิดปฏิบัติการ  "ล้างอสูร-ไล่ตระกูลชิน"!
คนราชดำเนินไม่เครียดแน่ เพราะฟังที่แถลงเมื่อคืน จะมีขบวนพาเหรดทั้งแสง-สี-ดนตรี ครบ ชนิดที่ว่า ยกทัพโยธาโกลาหล อึกทึกผู้คนล้นหลาม พลลิงขี่ลิง-ก็วิ่งหนี พลช้างขี่ช้าง-ก็หางชี้...........

มากันแบบนี้ ก็หมดห่วงว่า "ประชาชนปฏิวัติ" จะเครียด เพราะดูครึกครื้นเหลือหลาย!  ที่ไม่ครึกครื้น เห็นจะเป็นคนทำเนียบรัฐบาลนั่นแหละ คงเครียดเข้าขั้น จึงทำอะไรที่ผมเห็นแล้วสมเพช จนไม่อยากว่ากล่าวอะไรอีก
พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ จากปฏิบัติการ นปช.๕๒-๕๓ ได้ปูนบำเหน็จเป็นอำมาตย์ในตำแหน่งประจำสำนักเลขานายกฯ เมื่อวานไปแจ้งความตำรวจให้จับคุณสุเทพข้อหา ปลุกระดมให้คนต่อต้านอำนาจรัฐด้วยการทำอารยะขัดขืน!

โถ...เวร!  โน่น...ถ้าจะจับคนต่อต้านอำนาจรัฐจริงๆ ละก็รีบไปจับไอ้ ๓๑๒ ส.ส-ส.ว.ทาสทักษิณ มีตัวใหญ่ระดับประธานวุฒิสภารวมอยู่ด้วยโน่น
พวกมันในฐานะสถาบันบริหารและสถาบันนิติบัญญัติ  กลับทำหนังสือประกาศเป็นทางการ "ไม่รับรองอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ" 

นี่คือการล้มล้างอำนาจรัฐ ล้มล้างระบอบการปกครองชัดแจ้ง ทิดเหงี่ยมรีบไปลากคอมันมาขังตะรางเดี๋ยวนี้เลย!
แล้วอย่าเที่ยวไปแถลงให้เป็นข่าวฮามาจากหลังเขาที่ไหนเชียวว่า "รัฐบาลแจ้งจับสุเทพเพราะทำอารยะขัดขืน"
มันจะพลอยขายขี้หน้าถึงผมไปด้วยในฐานะ "คนไทย" คนหนึ่ง ที่ซวยด้วยต้องอยู่ภายใต้การบริหารของนังมารร้ายหน้าโง่ทั้งนายและลูกน้อง!

โบราณว่า "ใต้ธงนำนายโง่ ลูกน้องงั่งย่อมคับคั่งเสนอหน้า"....เออ มันจริงซะด้วย แล้วมากันเป็นชุด นอกจากทิดเหงี่ยมแล้ว รอง ผบช.น.ที่ชื่อ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ หน้าตาก็ฉลาด ถ้าไม่ทำเรื่องนี้อนาคตมีแวว ผบ.ตร.
แต่สะเหล่อจนได้ คงหวังสร้างผลงานเข้าตานาย เมื่อวานประกาศ ๒ เรื่องให้คนเลิกชุมนุม เรื่องแรก รองฯ อดุลย์บอกว่าขณะนี้ ศาลโลกตัดสินว่าไทยไม่เสียดินแดนให้เขมรแล้ว และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม วุฒิสภาไม่รับหลักการแล้ว

ดังนั้น "หมดเงื่อนไขชุมนุมแล้ว" ให้เลิกชุมนุม แยกย้ายกันกลับบ้าน!  โถ..โถ..แล้วมันกงการอะไรของตำรวจ ไม่พูดซะเลยยังว่า "อมภูมิ" เมื่อพูดเท่ากับประจานตัวเอง ไม่มีอะไรเลย นอกจากทำประจบอำนาจนายเลอะๆ เทอะๆ
เอ้า...รู้ไว้ด้วย เรื่องการชุมนุมตามวิถีทางประชาธิปไตยโดยสงบและปราศจากอาวุธนั้น เป็นสิทธิ์ของประชาชนที่เขาทำได้  และเป็นหน้าที่ที่ประชาชนต้องพิทักษ์รักษาชาติ ศาสนา  พระมหากษัตริย์ และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

พูดง่ายๆ คือ นี่เป็นการชุมนุม ว่าด้วยการบริหารและการปกครองที่ประชาชนผู้เจริญแล้วออกมาพิทักษ์รักษาตามสิทธิและหน้าที่  ไม่ใช่เรื่องอาชญากร-อาชญากรรม อย่างซุกหุ้น โกงภาษี หนีคุก!
ฉะนั้น ขอโทษ...ตำรวจอย่าทะลึ่งเกินอำนาจ-หน้าที่ เมื่อวานฝนก็ตกมิใช่หรือ ชะโงกหน้าดูเงาตัวเองในน้ำที่ขังถนนดูซิว่า ทุกวันนี้ตำรวจได้ดีเพราะพี่ให้ ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์  หรือทำหน้าที่ "ขี้ข้าทักษิณ" โจรแผ่นดินคนนั้น!?

๑๗ พฤศจิกา วันเพ็ญเดือน ๑๒  ก็ไม่รู้ว่า พระจันทร์คืนลอยกระทง จะเพ็ญจันทร์ หรือ "จันทร์สีเลือด"!?

                                                                                 เปลว   สีเงิน 
                                                                           14  พฤศจิกายน  2556

ขอบคุณ  :  http://www.thaipost.net

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร (บุญใหญ่ อินทปญโญ) วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์