แกะรอยเส้นทางการกู้ชาติของพระจ้าตากสินมหาราช : หลังเสียกรุง

                                                          
                                                      
                                        พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี 

กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2310  แต่ก่อนหน้านั้นราว 3 เดือนกว่า  สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเมื่อครั้งยังเป็นพระยาตาก  ได้พาสมัครพรรคพวกไพร่พลคนไทยจีนจำนวนหนึ่ง  ตีฝ่ากองทัพพม่ามุ่งหน้าไปทางชายทะเลตะวันออก  พระยาตากไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้ายที่ได้ละทิ้งหน้าที่หลบหนีไปเพราะ ระบบการเมืองและสังคมของกรุงศรีอยุธยาได้ล่มสลายลง  ก่อนที่พม่าจะระเบิดป้อมทะลายกำแพง  แต่นานไม่ถึง 9 เดือนหลังเสียกรุง พระยาตากได้ประกาศพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์  ที่คนทั่วไปเรียกกันภายหลังว่า“พระเจ้าตาก”  ยกกองทัพเรือจากจันทบุรีมายึดกรุงศรีอยุธยาคืน  แล้วฟื้นฟูราชอาณาจักรศรีอยุธยาขึ้นมาใหม่ ชื่อ กรุงธนบุรี  กรุงธนบุรีไม่ใช่เมืองใหม่ที่เพิ่งมีขึ้นสมัยพระเจ้าตาก  แต่เป็นเมืองป้อมหน้าด่านเก่าแก่มาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา  มีพัฒนาการมาจากชุมชนชาวสวนบนเส้นทางคมนาคมสู่อ่าวไทย  แล้วค่อย ๆ ทวีความสำคัญขึ้นเป็นเมืองป้อมหน้าด่านทางน้ำ มีชื่อในทำเนียบว่า “เมืองธนบุรีศรีมหาสมุทร” 

นักธรรมชาติวิทยาชาวเดนมาร์ก  ผู้ซึ่งเคยพบเห็นพระเจ้ากรุงธนบุรี  ได้รายงานไว้ว่า  “...ทรงเป็นชายร่างเล็ก  แต่พระราชประวัติและวีรกรรมของพระองค์ยิ่งใหญ่นัก..”  เป็นเหตุให้มีผู้แต่งเติมเสริมต่อเรื่องราวของพระองค์ออกไปดูรายคล้ายนิยาย  ทั้ง ๆที่สาระสำคัญของพระราชประวัติมีอยู่สั้น ๆ ว่า  “..สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี  ทรงมีพระราชสมภพในฐานะสามัญชนลูกชาวจีน  มีอาชีพค้าขายทางเกวียน และแม้ยังมีถิ่นฐานบ้านช่องญาติพี่น้องในภาคกลาง โดยเฉพาะที่พระนครศรีอยุธยาและลพบุรี  แต่ก็ได้ทำการค้าอยู่ในหัวเมืองเหนือชายแดน  เมื่อสบโอกาสก็ได้เข้ารับราชการในหัวเมืองไกล คือเมืองตาก หรือ ระแหง  และในที่สุดก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองตาก  ทรงเสกสมรสกับสามัญชนด้วยกัน ซึ่งไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่นัก...”

ในสงครามครั้งเสียกรุง  ได้กวาดต้อนไพร่พลหลบพม่าลงมาเป็นกำลังสำคัญแก่กรุงศรีอยุธยา  ได้บำเหน็จความชอบจากการนั้น  ระหว่างที่พม่าล้อมกรุงอยู่ก็ได้ทำการต่อสู้จนปรากฏชื่อว่าเป็นนายทัพที่เข้มแข็งคนหนึ่ง  ไพร่พลที่นำมาจากเมืองตาก หรือระแหง ก็ยังคุมกันติดเป็นกองของตนเอง  ปฏิบัติงานตามสั่งของรัฐบาล  ในที่สุดก่อนที่จะเสียกรุงแก่พม่า ก็ได้นำกำลังพลจำนวนน้อยของตน และอาจรวมกองกำลังอื่นที่สวามิภักดิ์เพิ่มขึ้น  ประกอบด้วยไพร่พลทั้งไทยและจีนพากันตีแหกพม่ามุ่งไปยังหัวเมืองฝั่งตะวันออก  และเริ่มหน้าใหม่ให้แก่ประวัติศาสตร์ของพระองค์ และของประเทศไทย

           
                                           ภาพประกอบการเดินทัพจาก ค่ายวัดพิชัย  อยุธยา

 วันเสาร์ตอนเที่ยงคืน ขึ้น 4 ค่ำ เดือนยี่ ปีจอ อรรถศก จุลศักราช 1128 หรือ พ.ศ. 2309  เกิดเพลิงไหม้ขึ้นในพระนคร ไหม้ตั้งแต่ท่าทรายติดรามไปถึงสะพานช้างคลองข้าวเปลือก แล้วข้ามมาติดป่ามะพร้าว ป่าโทน ป่าถ่าน ป่าทอง  ป่ายา  วัดราชบูรณะ  วัดฉัตรฑัณท์  ติดกุฎีวิหารและบ้านเรือนมากกว่าหมื่นหลัง  ...จนกระทั่งพลบค่ำไฟไหม้ในพระนครยังไม่ดับ  พระยาตากก็ยกสมัครพรรคพวกไพร่พลไทยจีนออกจากค่ายวัดพิชัย  เดินทัพไปทางบ้านหันตรา พม่ายกพลติดตามทัน ได้ต่อรบกันเป็นสามารถพม่าต่อต้านมิได้จึงถอยกลับไป  พระยาตากเดินทัพต่อไปยังบ้านข้าวเม่า  จนถึงบ้านสามบัณฑิตเวลา 2 ยามเศษ....เมื่อมองกลับไปเห็นแสงไฟลุกโชติกาลยังไหม้กรุงอยู่ก็ให้หยุดพักทัพ

       
             
                                   ภาพประกอบการเดินทัพจากค่ายวัดพิชัย - วัดสามบณฑิต  อุธยา

          
                                 ภาพประกอบการเดินทัพจาก วัดสามบณฑิต  - วัดโพธิ์สาวหาญ  อุธยา

วันอาทิตย์รุ่งเช้า พระยาตากเดินทัพไปถึงบ้านโพธิ์สาวหาญ  พม่ายกพลติดตามไปอีก ได้ต่อรบกันเป็นสามารถ ทัพพม่าแตกกระจัดกระจายพ่ายแพ้ไป  พระยาตากให้เดินทัพต่อไป ตอนเย็นถึงบ้านพรานนกหยุดพักแรม ให้ทะแก้วทหารออกไปหาเสบียงอาหาร พบกองทัพพม่า พระยาตากจึงขึ้นม้าพร้อมไพร่พลออกรบพม่า  ทัพพม่าแตกพ่ายกระจายไป  ทหารเห็นความสามารถของพระเจ้าตากเป็นอัศจรรย์ ก็ยกย่องว่าเป็นจอมกษัตริย์สมมุติวงศ์  เท่ากับแสดงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นพระเจ้าแผ่นดิน

      
                             ภาพประกอบการเดินทัพจาก วัดโพธิ์สาวหาญ  - บ้านพรานนก  อุธยา

         
                       ภาพประกอบการเดินทัพจาก บ้านพรานนก  อุธยา  -  นครนายก

รุ่งขึ้นขุนชำนาญไพรสน และนายกองช้างเมืองนครนายกมีจิตสวามิภักดิ์  เอาช้างมาถวาย 6 ช้าง นำเสด็จถึงบ้านบางดงเข้าหยุดประทับในที่นั้น แล้วสั่งให้ขุนหมื่นพันทนายบ้านยอมอ่อนน้อม แต่ไม่สำเร็จ กลับท้าทายอีกแล้วตั้งค่ายจะสู้รบ  พระเจ้าตากจึงยกเข้าตีค่ายได้    พระเจ้าตากยกพลไปประทับที่ตำบลหนองไม้ซุง ตามทางเมืองนครนายก แล้วประทับรอนแรมไปอีก 2 วัน ก็ถึงบ้านนาฤกษ์  ออกจากบ้านนาฤกษ์วันหนึ่งถึงเมืองปราจีนบุรี  พักลี้พลให้หุงหาอาหารกิน เสร็จแล้วเดินทัพข้ามทุ่งจนตกเย็นหยุดพักทัพที่ชายดงศรีมหาโพธิ์ รอสมัครพรรคพวกที่ตามไม่ทัน

                                                      ภาพประกอบปากน้ำเจ้าโล้  ปราจีนบุรี    
         
ฝ่ายพม่าได้เกณฑ์ทัพเรือให้ขึ้นมาสมทบกับทัพบกตั้งอยู่ปากน้ำเจ้าโล้  ยกไปที่ท่าข้ามติดตามทัพพระเจ้าตาก  ได้รบกันหนักจนพม่าแตกกระจัดกระจายพ่ายไป  จากนั้นพระเจ้าตากยกพลไปทางบางปลาสร้อย ก็เป็นอันพ้นกองทัพพม่า  เมื่อพระเจ้าตากยกไพร่พลถึงดินแดนชายทะเลตะวันออก ผ่านบ้านนาเกลือที่บางละมุง มีนายกล่ำเป็นนายชุมนุมคุมไพร่พลอยู่ที่นั่น  พากันวางอาวุธถวายบังคมอ่อนน้อม  เสด็จไปพัทยาหยุดประทับแรม  รุ่งขึ้นไปประทับแรมที่นาจอมเทียน  ทุ่งไก่เตี้ย  สัตหีบ แห่งละคืน

      
             ภาพประกอบการเดินทัพจาก  ปราจีนบุรี - ดงศีมหาโพธิ์ - ชลบุรี - บ้านนาเกลือ - พัทยา

         
                                                 ภาพประกอบการเดินทัพจาก  พัทยา  -  ระยอง

        
                                                   ภาพประกอบปากแม่น้ำประแส  ระยอง

รุ่งขึ้นเดินทัพทางริมทะเลถึงหินโด่ง และน้ำเก่า เข้าแขวงเมืองระยอง  ผู้รั้งเมืองระยองและกรมการทั้งปวง  ชวนกันมาต้อนรับเสด็จ แล้วไปประทับอยู่วัดลุ่ม  รับสั่งให้จัดลำเรียงอาหาร  ขุดค่ายคู  ขณะนั้นมีผู้แจ้งเหตุว่ากรมการเมืองระยองมีขุนรามหมื่นซ่อง นายทองอยู่นกเล็ก ขุนจ่าเมือง เป็นต้น  คบคิดกันคุมพรรคพวกจะยกเข้าประทุษร้าย  พระเจ้าตากก็ปราบปรามจนราบคราบ  แล้วตรัสให้บำรุงทะแก้วทหารให้มีกำลังอยู่เมืองระยองก่อน  แล้วให้ข้าหลวงไปเกลี้ยกล่อมพระยาจันทบูรณ์ให้อ่อนน้อมเพื่อไม่ให้เกิดสงคราม  แต่พระยาจันทบูรณ์ ทำอุบายผลัดผ่อนเรื่อยมา  ระหว่างรอเวลาให้พระยาจันทบูรณ์ยอมอ่อนน้อม ขุนรามหมื่นซ่อง และนายทองอยู่นกเล็ก ที่แตกพ่ายไปจากเมืองระยอง  ลอบเข้ามาลักโค กระบือ ช้างม้าไปเนือง ๆ พระเจ้าตากจึงยกทัพออกจากเมืองระยองไปบ้านประแส  บ้านไพร่  บ้านพา  บ้านกล่ำ  บ้านแกลง ที่ไอ้ขุนรามหมื่นซ่องตั้งอยู่นั้น เพื่อปราบปราม  ขุนรามหมื่นซ่องแตกหนีไปอยู่กับพระยาจันทบูรณ์

     
                                              ภาพประกอบการเดินทัพจาก  ระยอง  -  บ้านแกลง   
      
เมื่อได้ครอบครัว ช้างม้า โคกระบือ พร้อมเกวียนที่ถูกขุนรามหมื่นซ่องขโมยคืนมาแล้ว  ก็เสด็จยกพลกลับเมืองระยอง  เพื่อรอท่าพระยาจันทบูรณ์  ให้บำรุงทะแก้วทหาร รวบรวมสรรพวุธ ปืนใหญ่น้อย เกลี้ยกล่อมอาณาประชาราษฎร์อันแตกตื่นออกไปอยู่ป่าได้เป็นอันมาก  เมื่อทรวงทราบว่านายทองอยู่นกเล็กไปตั้งอยู่เมืองชลบุรี ประพฤติพาลทุจริต คอยทำร้ายข่มเหงอาณาประชาราษฎร์  พระเจ้าตากจึงยกทัพไปทางบ้านหนองมน  แล้วหยุดประทับที่วัดหลวง ให้คนไปเกลี้ยกล่อมนายทองอยู่นกเล็ก ก็ยอมอ่อนน้อมแต่โดยดี พระเจ้าตากก็ตั้งให้เป็นเจ้าเมืองชลบุรี

     
                               ภาพประกอบการเดินทัพจาก ระยอง  - จันทบุรี

เมื่อพระเจ้าตากเสด็จกลับไปประทับ ณ เมืองระยอง  ฝ่ายพระยาจันทบูรณ์เชื่อคำยุยงของขุนรามหมื่นซ่อง แต่งอุบายเชิญเสด็จให้ไปเมืองจันทบูรณ์แล้วจะจับกุมพระองค์  พระเจ้าตากยกทัพไปถึงบ้านพลอยแหวน พระยาจันทบูรณ์ก็ให้หลวงปลัดออกนำทัพเป็นกลอุบาย  ให้กองทัพหลวงเลี้ยวไปทางใต้เมืองและข้ามน้ำไปทางตะวันออกจะคอยทำร้ายเมื่อพลทหารข้ามน้ำนั้น  พระองค์ทรงทราบจึงให้นายบุญมีมหาดเล็กขึ้นม้าควบไปห้ามทหารกองหน้าไม่ให้ไปตามทางหลวงปลัดนำ  ให้กลับมาตามทางขาวงตรงเข้าประตูท่าช้าง เสด็จประทับ ณ วัดแก้ว  ริมเมืองจันทบุรี  พระยาจันทบูรณ์ให้กรมการเมืองออกมาทูลเชิญเสด็จ  แต่พระเจ้าตากปฏิเสธ  ทรงมีพระกรุณาตรัสให้ไปบอกว่า พระยาจันทบูรณ์ควรอ่อนน้อม แล้วส่งตัวขุนรามหมื่นซ่องศัตรูคืนมา จึงจะเข้าเมือง  พระยาจันทบูรณ์มิได้ทำตามรับสั่ง  มิหนำซ้ำยังมีพิรุษหลอกล่อหลายครั้ง  จึงตรัสว่า  “..พระยาจันทบูรณ์มิได้ตั้งอยู่ในสัตยภาพแล้ว  และเห็นว่าขุนรามหมื่นซ่องจะช่วยปกป้องกันเมืองไว้ได้  ก็ให้ตบแต่งการไว้ให้มั่นคงเถอะ  เราจะตีเอาให้จงได้..”   แล้วจึงตรัสสั่งให้โยธาทหารทั้งปวงให้หุงหาอาหารรับพระราชทานแล้วนั้น  สั่งให้เทเสีย  ต่อยหม้อข้าวหม้อแกงให้จงสิ้น  ในเพลากลางคืนนี้ตีเอาเมืองจันทบูรณ์ให้ได้  ไปหาข้าวเช้ากินเอในเมือง  ถ้ามิได้ก็ให้ตายเสียด้วยกันเถิด...  ราวตีสามคืนนั้น พระเจ้าตากเสด็จทรงช้างพระที่นั่งเข้าทลายประตูใหญ่ พร้อมทะแก้วทหารไทยจีนบุกเข้าเมืองได้ทุกด้าน  พระยาจันทบูรณ์พาบุตรภรรยาลงเรือหนีไป  เมื่อได้เมืองจันทบูรณ์แล้ว  พระเจ้าตากให้ยกทัพทั้งทางบกและทะเล ไปถึงบ้านทุ่งใหญ่เมืองตราด อันเป็นที่ชุมนุมพ่อค้าวานิชนายสำเภาทั้งปวง ฝ่ายจีนเจียมที่เป็นใหญ่กว่านายสำเภาทั้งปวงยอมสวามิภักดิ์  จึงพาธิดามาถวายพระเจ้าตาก  เมื่อได้เมืองตราดแล้ว พระเจ้าตากเสด็จยกทัพกลับจันทบูรณ์  ยับยั้งอยู่ต่อเรือรบได้ 100 ลำเศษ

      
          ภาพประกอบแสดงซากกำแพงเมืองจันทบุรี และ บริเวณกองพันทหารราบที่ 2 จันทบุรี

        
                           ภาพประกอบแสดงสถานที่ที่เป็นอู่ต่อเรือ และซากเรือที่ขุดพบ 

    
   ภาพประกอบพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 และ พระบรมรูปสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาถ

การที่พระเจ้าตากประสบความสำเร็จได้หัวเมืองชายทะเลตะวันออกไว้ทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมด  ก็เพราะว่ากลุ่มของพระเจ้าตาก หรืออย่างน้อยตัวพระเจ้าตากเอง  มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองที่เด่นชัดว่า  จะรื้อฟื้นอาณาจักรศรีอยุธยาขึ้นมาใหม่  และประกาศนโยบายนี้ตั้งแต่เริ่มออกจากค่ายวัดพิชัยที่อยุธยา  กิตติศักดิ์การกู้กรุงศรีอยุธยาของเจ้ากรุงธนบุรี  ย่อมล่วงรู้อย่างดีถึงสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งขณะนั้นประทับอยู่ที่บ้านบางช้าง เมืองราชบุรี  จึงได้แนะนำนายบุญมาซึ่งเป็นพระราชอนุชาเข้าถวายตัวกับพระเจ้ากรุงธนบุรี  เพราะมีผู้นับถือมาก การกู้กรุงศรีอยุธยาก็มีทางจะสำเร็จได้

    
                                ภาพประกอบการเดินทัพจาก จันทบุรี - ชลบุรี

เมื่อถึงเวลาพร้อมแล้ว  พระเจ้าตากก็ทรงพระราชอุตสาหะยกพลทหารพร้อมสรรพด้วยเครื่องศาตราวุธเป็นอันมาก  ออกจากเมืองจันทบุรีโดยทางทะเล  เพื่อขับไล่อริราชศัตรูที่ยังมีอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา  เมื่อถึงเมืองชลบุรี พระเจ้าตากทรงทราบว่าเจ้าเมืองกับพรรคพวกมิได้ละทิ้งความชั่วร้าย  กลับกระทำโจรกรรมออกปล้นเรือสำเภา  จึงให้หยุดพักเรือ แล้วให้หาเจ้าเมืองชลบุรีมาเฝ้า ณ เรือพระที่นั่ง  ภิพากษาโทษประหารชีวิต

     
            ภาพประกอบการเดินทัพจาก ชลบุรี -  สมุทรปราการ - ธนบุรี - ค่ายโพธิ์สามต้น

พระเจ้าตากยกทัพเรือเลียบชายฝั่งทะเลเข้าปากน้ำเมืองสมุทรปราการ  แล้วเข้าตีเมืองธนบุรี  ฝ่ายกรมการพวกที่อยู่รักษาเมืองธนบุรีหนีขึ้นไปโพธิ์สามต้นกรุงเก่า  แจ้งเหตุแก่สุกี้ผู้เป็นพนายกอง  สุกี้ก็ให้จัดพลทหารพม่า มอญ ไทย เป็นทัพเรือตั้งสกัดอยู่เพนียด  แต่แล้วก็แตกหนีไป  พระเจ้าตากยกเข้าตีค่ายโพธิ์สามต้นได้  นี่เท่ากับยึดกรุงศรีอยุธยากลับคืนสำเร็จแล้ว  จึงให้เชิญเสด็จพระบรมศพพระที่นั่งสุริยา อัมรินทร์ แห่แหนมา ณ โพธิ์สามต้นถวายพระเพลิง  แทนที่พระเจ้าตากจะประทับอยู่พระนครศรีอยุธยา  พระองค์กลับเสด็จไปประทับอยู่เมืองธนบุรี  เพราะขณะนั้นกองทัพของพระองค์ยังไม่สู้ใหญ่นัก  และเอาชนะข้าศึกที่โพธิ์สามต้นยังไม่เด็ดขาด  การจะเอาชนะชุมนุมมอญที่โพธิ์สามต้นอย่างเด็ดขาด  น่าจะเป็นเรื่องยากและเสียลี้พลสูง  หนทางปลอดภัยที่สุดก็คือ ไปอยู่เมืองธนบุรี



ขอบคุณ :  วีซีดีภาพยนตร์สารคดีประวัติศาสตร์ ชุด สามกรุงศรี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร (บุญใหญ่ อินทปญโญ) วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์