ท้วง สพฐ.ร่างหลักสูตรการศึกษาพื้นฐาน เหตุใดไม่มี “วิชานาฏศิลป์”


 
 ครูนาฏศิลป์ จุฬาฯ มศว และวิทยาลัยนาฏศิลป์ทั่วประเทศ รวมตัวยื่นหนังสือ ชี้แจงรมต.ศธ. ปลายเดือนนี้ ตัวเยาวชนเตือน เด็กไทยห่างศิลปะวัฒนธรรมไทย รู้จักแต่วัฒนธรรมเกาหลี ญี่ปุ่น       
       ผศ.ดร.รวิวรรณ วรรณวิไชย คณบดีคณะศิปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผย ภายหลังการจัดเสวนาระดมความคิดเรื่อง ร่างหลักสูตรการศึกษาพื้นฐานฉบับใหม่... เหตุใดการศึกษาไทย จึงไร้รายวิชานาฏศิลป์ ว่า ในการเสวนา ได้เชิญสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)มาชี้แจงว่าเพราะอะไรร่างหลักสูตรเฉพาะดังกล่าวถึงไม่มีวิชานาฏศิลป์ ได้รับการชี้แจงว่า จากปัญหาคุณภาพการศึกษาไทยตกต่ำ โดยส่วนหนึ่งพิจารณาจากคะแนนโครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ (Programme for International Student Assessment) (PISA) เป็นโครงการประเมินผลการศึกษาของประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ซึ่งเด็กไทยมีความสามารถด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ อยู่ในอันดับ 50 จาก 65 ประเทศทั่วโลก ทางศธ.โดยสพฐ. จึงมีความพยายามที่จะยกระดับให้เด็กไทยมีคะแนนใน3ด้านดีขึ้น เพื่อให้การศึกษาไทยพัฒนาขึ้นสู่อันดับที่ดีขึ้นกว่าเดิม
       
       แต่เดิมมีกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สพฐ.กำหนดให้เด็กไทยเรียนมี 8กลุ่มสาระการเรียนรู้ดังนี้ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษาและพละศึกษา ศิลปะ การงานอาซีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ โดยในร่างหลักสูตรการศึกษาพื้นฐานฉบับใหม่ ลดกลุ่มสาระการเรียนรู้ เหลือ6กลุ่มสาระการเรียนรู้ คือ ภาษาและวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและคณิตศาสตร์การดำรงชีวิตและโลกของงาน ทักษะสื่อสารและการสื่อสาร สังคมและความเป็นมนุษย์ และอาเซียนภูมิภาคและโลกระบุว่าวิชานาฏศิลป์จัดเข้าไปอยู่ในกลุ่มสังคมและความเป็นมนุษย์เหมือนวิชาศิลปะ แต่เมื่อดูในเนื้อหาหลักสูตรพบว่าไม่มีวิชานาฏศิลป์
       
       ทั้งนี้ กลุ่มอาจารย์ทางด้านนาฏศิลป์ จากจุฬาฯ มศว และวิทยาลัยนาฏศิลป์ทั่วประเทศจึงรวมกลุ่มกันและ ขอตั้งคำถามกับสพฐ.ว่าเด็กอ่อนการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ทำไมจึงไม่ไปแก้ปัญหาให้ถูกจุด และมันไปเกี่ยวข้องอะไรกับการตัดรายวิชานาฏศิลป์ออกจากหลักสูตรพื้นฐาน ซึ่งมีพื้นที่ตารางสอนในโรงเรียนเพียงแค่0.5หน่วยกิตเท่านั้น
       
       “วิชานาฏศิลป์ ถือเป็นวิชาที่รักษาวัฒนธรรมของประเทศ ไม่มีประเทศไทยที่เจริญเขาตัดรายวิชานาฏศิลป์ของชาติออกไปเหมือนเช่นประเทศไทย อย่างประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี วิชานาฏศิลป์เสริมสร้างให้ประเทศเขาเข้มแข็ง และสร้างความเสมอภาคขึ้นในสังคมผ่านนาฏศิลป์และศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ เขาทำให้เยาวชนเข้าใจรากเหง้าของตัวเอง ก่อนจะเติบโตไปสู่การพัฒนาด้านอื่นๆ ที่มีความทันสมัยต่อไป มีแต่ประเทศไทยที่ตัดวิชานาฏศิลป์ทิ้ง คนร่างหลักสูตรมีความรู้ความเข้าใจในประเด็นเหล่านี้มากแค่ไหน อีกทั้งในแต่ละสถาบันอุดมศึกษาและวิทยาลัยนาฏศิลป์ก็ยังมีผู้สืบทอดงานด้านนาฏศิลป์อีกเป็นหมื่นๆ ชีวิต แล้วเขาจะทำอย่างไร 
       
       การรักษาวิชานาฏศิลป์ให้คงอยู่ถือเป็นการรักษาวัฒนธรรมประเทศชาติ และผู้สืบทอดงานด้านนาฏศิลป์ก็เปรียบเสมือนทหารด้านวัฒนธรรม ตอนนี้กลุ่มคณาจารย์ นิสิต นักศึกษาด้านศิลปกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานด้านนาฏศิลป์รวมตัวกันยื่นหนังสือและขอเข้าพบรมต.ศธ. ปลายเดือนต.ค. นี้ เพื่อให้ข้อมูลและอธิบายความสำคัญของการเรียนวิชานาฏศิลป์ในโรงเรียนให้ท่านทราบ
       
       นอกจากนี้อยากถามผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำร่างหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานว่า จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเมื่อตัดวิชานาฏศิลป์ออกไปแล้ว ผลคะแนนPISAของเด็กไทยจะสูงขึ้น และถ้าวันหนึ่งผลคะแนนPISAของประเทศไทยสูงเยี่ยมติดอันดับ1แต่ประเทศไร้วัฒนธรรมประจำชาติ เราจะภาคภูมิใจกันไหม
       
       ด้าน เด็กหญิงเจนจิรา กิ่งโคกกรวด อายุ 14ปี กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนบ้านทุ่งคาโตนด จ.ชุมพร กล่าวว่า ทุกวันนี้ตัวเองเรียนวิชานาฏศิลป์สัปดาห์ละ2วัน และใช้เวลาพักกลางวันไปฝึกซ้อมนาฏศิลป์ไทยทุกวัน ทำให้ตนได้เป็นตัวแทนรำในงานต่างๆ ตลอดถึงเข้าร่วมการแข่งขันประกวดนาฏศิลป์ในระดับจังหวัดด้วย ซึ่งการเรียนนาฏศิลป์ทำให้เราเห็นความงดงามของท่วงท่ารำ ความอ้อนช้อย ทำให้เห็นความงดงามของวัฒนธรรมไทยผ่านงานด้านนาฏศิลป์
       
       "หากศธ.จะตัดวิชาออกจากหลักสูตรสพฐ. ก็น่าเสียดาย ที่ศธ.ไม่เข้าใจ หากไม่มีวิชานาฏศิลป์ยิ่งทำให้เยาวชนไทยห่างจากวัฒนธรรมของชาติมากขึ้นๆ และเยาวชนไทยก็จะรู้จักแต่วัฒนธรรมเกาหลี ญี่ปุ่น สุดท้ายความเป็นชาติไทยก็จะค่อยๆ หมดไป ความรัก หวงแหน และซึมซับวัฒนธรรมไทยก็จะหมดไปเช่นกัน อยากฝากให้ ศธ.ทบทวนในเรื่องนี้อีกครั้ง"
 
ขอบคุณ  :  http://www.manager.co.th

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร (บุญใหญ่ อินทปญโญ) วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์