เจ็บตัวก็ต้องยอม


    เจ็บตัวก็ต้องยอม

ถือเป็นเดิมพันครั้งสำคัญของ “ประชาธิปัตย์” ที่ตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตักด้วย “ต้นทุน” ที่สั่งสมมานานกว่า 60 ปี ถึงขั้นสลัดภาพ “จอมหลักการ” ยอมมาเล่นบทป่วน ทั้ง โห่ฮา ขว้างปาเอกสาร ปาเก้าอี้ ไปจนถึงการวางพวงหรีดกลางสภา ก่อนจะเตรียมถอดสูทลงไปเป็นแกนนำมวลชนเปิดเกมคู่ขนานนอกสภา แน่นอนว่าต้องมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ

ทั้งหมดนี้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่วนเวียนมานั่งเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรอีกรอบ ยอมรับว่าแนวทางนี้มีผลกระทบต่อคะแนนนิยมและภาพลักษณ์อยู่บ้าง
“ปัญหาความวุ่นวายในสภาที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าบอบช้ำ เจ็บตัวทุกฝ่าย แต่การเมืองทุกวันเราคิดแต่เรื่องแต้ม เรื่องคะแนน บ้านเมืองถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมวันนี้ถึงเลิกจำนำข้าวไม่ได้ ก็เพราะกลัวเสียคะแนน ผมไม่เชื่อว่าคนระดับอย่างคุณกิตติรัตน์ ไม่รู้ว่ากำลังนำพาประเทศไปทางไหน คุณหยุดได้ไหม ก็ไม่ได้ เพราะกลัวเสียแต้ม ถ้าอย่างนั้นตกลงจะเอาแต้มไปเรื่อยๆ แล้วบ้านเมืองไม่มีความถูกต้อง พังทลายลง ผมก็ว่ามันก็ไม่ใช่” อภิสิทธิ์ ขยายความ

ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ปชป.ค้านทุกเม็ด ใช้ทุกวิธี “อภิสิทธิ์” ตอบสวนทันทีว่า “ไม่จริงครับ ผมไม่เผาบ้านเผาเมือง ไม่เอากองกำลังติดอาวุธไปยิงคน แต่ทำอยู่ในกรอบของกฎหมาย คุยกันตลอดว่าต้องทำในกติกาที่สามารถทำได้ เพราะถ้าทุกอย่างเป็นไปตามกติกา พวกผมจะไปทำอะไรได้ ทำไมการอภิปราย 2 ล้านล้าน มันราบรื่น เพราะคุณทำตามกติกา พวกผมแปรญัตติ ผมก็พูดไปก็จบ แต่พอคุณทำผิดกติกาก็เลยเกิดปัญหาขึ้น เพราะฉะนั้น ไม่ใช่บอกว่าวันนี้จะเดินเข้าสภา เราจะไปป่วนไม่มี ไม่เคยมี มีแต่ตั้งใจว่าจะไปเสนอคำแปรญัตติ จะไปอภิปรายกันอย่างไร”

อย่างเรื่องวางพวงหรีดในการลงมติวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องส่วนตัวของสมาชิกที่คิดกันเอง ในพรรคส่วนใหญ่เป็นเสรีชน เราเองยังต้องพูดกันด้วยซ้ำว่าทำอย่างไรจะเข้มงวดวินัยได้มากกว่านี้ แต่ไม่ทำให้เกิดความอึดอัดเพราะคนที่มาส่วนใหญ่เชื่อเรื่องสิทธิเสรีภาพ ไม่มีซ้ายหันขวาหัน

“ที่ว่าค้านทุกเรื่อง คำพูดนี้ก็โกหก ผมท้าให้ไปเทียบสัดส่วนของกฎหมายที่เราสนับสนุนกับสมัยเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ผมเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยแทบจะไม่เคยสนับสนุนเรื่องที่เราเสนอเข้าสภาเลย แม้แต่ตอนขอไปเจรจากับจีน เรื่องรถไฟความเร็วสูงก็ไม่ลงคะแนนให้เรา แต่ประชาธิปัตย์ลงคะแนนให้รัฐบาลเพื่อไทย ผมว่าเกือบ 90% ของเรื่องที่เข้ามา ที่ว่าค้านทุกเรื่องก็เป็นวาทกรรม ฝ่ายค้านชุดนี้อาจยกมือให้เรื่องต่างๆ ที่จำเป็นของรัฐบาลมากที่สุด แต่เรื่องไหนเราค้าน เราก็ค้านจริง”

ผู้นำฝ่ายค้านอธิบายอีกว่า ปัญหาคือเวลาเกิดความวุ่นวายขึ้นคนก็เห็นภาพความวุ่นวาย แต่ไม่ทราบว่าที่มาของมันคืออะไร เราเรียบร้อยได้ แต่หลายเรื่องก็ยิ่งไปกันใหญ่ ปีที่แล้วถ้าไม่เกิดเรื่อง กฎหมายนิรโทษกรรมก็คงเป็นชนวนความขัดแย้งรุนแรงในสังคมไม่ได้ เราไม่ได้บอกว่าที่เราทำมันดีงามถูกต้อง แต่ก็กลายเป็นต้นทุนที่เราต้องจ่ายไป เพื่อหยุดยั้งความเลวร้ายที่ยิ่งกว่าที่จะเกิดขึ้นในสังคม

“ผมอยู่มา 20 ปี ท่านชวนอยู่มา 40 ปี ไม่อยากเห็นสถาบันที่เรารักอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ถามว่าถ้าอย่างนั้นเขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขา ทำไปเลยไม่ทักท้วง แล้วเรากินเงินเดือนชาวบ้าน ไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งมาแล้ว คิดอะไร แปลว่าเสียงข้างมากเห็นคล้อยตามหมดทุกเรื่อง...

....เรามีหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชน ให้ประชาชนและรัฐบาลได้ยินว่าการท้วงติงและการคัดค้านคืออะไร ถ้าเราคิดแต่เรื่องภาพลักษณ์คะแนนเสียงก็ทำงานได้อีกแบบ แต่เราก็ไม่เป็นธรรมกับประเทศ ไม่เป็นธรรมกับประชาชน ผมก็เตือนลูกพรรคตลอด ต้องพยายามหาทางให้นุ่มนวลที่สุด ทำยังไงก็ได้ ให้นุ่มนวลหน่อย แต่พอเกิดสถานการณ์ขึ้นจริง ก็เห็นได้ชัดว่าท่านประธานสภาไม่มองไม่อะไรเลย ผมว่าเรื่องที่ใหญ่กว่าคือกดบัตรแทนกันไม่ใช่หรือครับ ต้องถือว่าทุจริตเลยนะ ตะโกนถ้อยคำไม่เหมาะสมก็ไม่เหมาะสม แต่ไม่ทุจริตนะ”

อภิสิทธิ์ ยอมรับว่า สิ่งที่ทำมาทั้งหมดอาจไม่ทำให้ชนะเลือกตั้ง เพราะเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งมีอีกหลายเงื่อนไข

“บางเรื่องพวกผมทำ พวกผมรู้ว่าอาจจะไม่ได้คะแนน แต่ก็ทำเพื่อรักษาความถูกต้อง เพื่อหยุดยั้งความเลวร้าย ถ้าต้องยอมเจ็บตัวบางทีผมก็ยอม และนี่คือความต่างของประชาธิปัตย์กับทุกพรรคการเมืองในอดีต และผมคิดว่านั่นคือเหตุผลว่าเราอาจจะไม่ได้ชนะเลือกตั้งบ่อย แต่เราอยู่ได้...

...และไม่รู้ว่าไปหวังลมๆ แล้งๆ หรือเปล่า ที่คิดว่า พอไม่คัดค้านอะไรใครแล้วจะทำให้คนมารัก มันคงไม่ใช่ เพราะที่เขาสนับสนุนประชาธิปัตย์ เพราะเขาอยากเห็นประชาธิปัตย์ปกป้องความถูกต้อง ถ้าประชาธิปัตย์สยบยอมก็จบ ที่เขาสนับสนุนเรามา เพราะประชาชนที่นั่นเขาไม่ยอมสยบต่อการข่มขู่ต่อรอง แบล็กเมล์ หรือการบอกว่าไม่เลือกผมผมไม่พัฒนาให้ เพื่อจะให้ประชาชนก้มหัวให้ เราต้องยอมอย่างนั้นหรืออย่างไร ชาวบ้านเขายังไม่ยอมเลย แล้วเราจะไปยอมได้อย่างไร”

ไม่เฉพาะเพียงแค่ท่าทีของฝ่ายค้านที่เปลี่ยนไป เพราะแม้แต่ลีลาคำพูดของ “อภิสิทธิ์” เองก็ดูจะยกระดับความร้อนแรงขึ้น โดยเฉพาะวลีเด็ด “อีโง่” จนถูกวิพากษ์วิจารณ์จนสะบักสะบอม แต่เจ้าตัวอธิบายเลี่ยงว่าไม่ได้ “แรงขึ้น” แต่ “เข้มข้นขึ้น” พร้อมยืนยันว่าสิ่งที่พูดนั้น หนึ่ง เป็นความจริง สอง ไม่เคยไปใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมไปว่าอะไร ใคร ตรงไหน ถอดเทปได้ทุกประโยคที่พูด แต่ก็พยายามไปสร้างเป็นเงื่อนไขขึ้นมา
“เรื่องที่รัฐบาลทำ ผมคัดค้านอย่างรุนแรง ก็เป็นเรื่องที่เสียหายกับประเทศอย่างร้ายแรง แล้วถ้าถามผม อารมณ์คนฟังแรงกว่าอารมณ์คนพูดตั้งเยอะ คนที่เขารู้เรื่องว่าจะเกิดอะไรขึ้น การที่คุณพยายามออกกฎหมายเพื่อตัวเองบ้าง การที่คุณพยายามบอกว่าต่อไปนี้กติกาต่อสู้ทางการเมืองใช้อาวุธก็ได้ ทำลายทรัพย์สินก็ได้ ประทุษร้ายก็ได้ ละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ได้ ผมว่ามันร้ายแรงมาก เพราะฉะนั้น ก็ไม่แปลกที่อารมณ์คัดค้านก็จะมีความรุนแรงอยู่บ้าง”

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ประเมินว่า จุดสลบของรัฐบาลเวลานี้อยู่ที่การทำผิดกฎหมายและทุจริต เหมือนกับรัฐบาลส่วนใหญ่ที่หากเจอปัญหากลางทางก็หนีไม่พ้นสองเรื่องนี้ แต่ถ้าเศรษฐกิจโลกรวนหนักเข้าก็อาจจะมีเงื่อนไขเศรษฐกิจเข้ามาด้วย อย่างไรก็ตามอยากให้รัฐบาลทำงานจนครบเทอม 4 ปี เพื่อพิสูจน์ฝีมือว่าครบ 4 ปีแล้ว จะเป็นอย่างที่โฆษณากันหรือไม่ หากเกิดมีการสะดุดจะไปอ้างอีกหมือนที่เคย เชื่อว่ารัฐบาลทักษิณช่วงปลายเริ่มเห็นอะไรเยอะแล้ว แต่พอมีปฏิวัติก็เลยเป็นข้ออ้างที่เขาท่องเป็นคาถาตลอดว่า ถ้าไม่ปฏิวัติจะอย่างนั้นอย่างนี้ จริงบ้าง เท็จบ้าง

ส่วนความพยายามของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันเวทีปฏิรูปประเทศนั้น อภิสิทธิ์ เห็นว่า เพียงแค่ประกาศให้ทุกคนเคารพกฎหมาย ฝ่ายค้าน รัฐบาล เสื้อทุกสี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคารพกฎหมายและไม่ระรานกัน ให้พื้นที่ทางการเมืองกลับมามีเสรีภาพ ในการใช้สื่อแข่งขันกันเชิงนโยบาย ทำไมประเทศเดินไม่ได้ อะไรจะเป็นปัญหาอุปสรรค

“ต่างคนต่างทำงานตามหน้าที่ ไม่มีอะไรที่ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปไม่ได้ จากที่มันเดินไม่ได้เพราะคุณไม่ยอมเดินตามกติกา ทักษิณกลับมาประเทศไทยไม่ได้เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะรัฐบาล เพราะน้องสาวคุณเป็นนายกฯ แล้ว แต่ที่กลับไม่ได้เพราะคุณอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกฎหมาย ไม่ใช่ตรงข้ามกับรัฐบาล หรือไม่ใช่พรรคการเมือง คุณทำผิดกฎหมายแล้วยังมาสร้างความวุ่นวายขัดแย้งต่อ คุณจะเอาชนะกฎหมาย ว่าที่ทำผิดไปแล้ววันนี้มีอำนาจก็จะเสกสิ่งที่ผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย มันถึงเกิดความขัดแย้ง ถ้าคุณไม่ทำเรื่องนี้บ้านเมืองก็เดินไปข้างหน้าอยู่”

อภิสิทธิ์ ย้ำว่า ไม่เชื่อที่ประเมินกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแล้วประชาธิปัตย์จะเป็นฝ่ายค้านไปอีกนาน และที่เขาออกมาคัดค้านก็ไม่ใช่เพราะเหตุนี้ แต่ที่ค้านเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำผิดกฎหมาย ต้องอยู่ใต้กฎหมาย

กางแผนถล่มรัฐบาลก่อนถึงศึกซักฟอก
การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมืออันทรงพลังที่สุดในกระบวนการตรวจสอบการบริหารงานรัฐบาล แม้สองครั้งที่ผ่านมาจะทำให้รัฐบาลซวนเซไปบ้างจากเงื่อนงำความไม่โปร่งใสในการรับจำนำข้าว แต่ทว่ายังไม่อาจน็อกรัฐบาลได้

สำหรับศึกซักฟอกที่ผ่านมา อภิสิทธิ์ ประเมินว่า หลายประเด็นที่นำเสนอไปในโครงการรับจำนำข้าวชัดเจนมาก มีตัวละครครบถ้วนหมด ซึ่งอยากให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เร่งรัดดำเนินการ เพราะแม้อภิปรายเสร็จอย่างไรก็ลงมติแพ้ในสภาอยู่แล้ว

ส่วนอภิปรายเที่ยวนี้นั้น ที่ผ่านมาก็ได้รับข้อมูลทุจริตส่งมายังประชาธิปัตย์ตลอด แต่ว่าการที่จะจับให้มั่นคั้นให้ตายอาจไม่ง่ายนัก ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล อย่างไรก็ตาม รูปแบบการตรวจสอบรัฐบาลนั้น อีกด้านหนึ่งยังมีการจัดเวทีผ่าความจริงฯ ทุกสัปดาห์ ซึ่งต่อจากนี้จะเน้นไปที่เรื่องเศรษฐกิจมากขึ้น โดยมีรูปแบบนำเสนอหลายอย่าง ทั้งแนวคิดการแก้ปัญหาที่ต้องเปลี่ยนแปลง โครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องสะท้อนให้ประชาชนได้เห็น ไม่ว่าเรื่องที่เพื่อไทยชอบอ้างว่าต่อสู้เพื่อคนยากจน แต่สองปีผ่านไปมีเงินเข้ากระเป๋าธุรกิจใหญ่เพิ่มขึ้น

“อย่างการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ขณะที่ภาษีที่ดิน ธนาคารที่ดิน โฉนดชุมชนไม่มีการขยับ การลงทุนครั้งมโหฬาร 2 ล้านล้านบาท ไม่มีการสานฝันคนอีสานเรื่องแหล่งน้ำเลย รวมทั้งปัญหาใหญ่เวลานี้คือเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ประชาชน กำลังเดือดร้อนอย่างมากจากภาวะเศรษฐกิจ ทั้งของแพง ความฝืดเคือง ในตัวระบบเศรษฐกิจ”

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต่อจากนี้ยังเตรียมใช้โอกาสที่รัฐบาลกำลังจะไปโฆษณาชวนเชื่อเรื่องเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เข้าไปชี้แจงถึงวิธีการบริหารที่ถูกต้องว่าคุณสามารถบริหารเรื่องนี้ โดยอยู่ในระบบที่มีการควบคุมวินัยการเงิน


ขอบคุณ  :  http://www.posttoday.com
 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร (บุญใหญ่ อินทปญโญ) วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์