7 ข้อน่ารู้ไว้ ป้องกันก่อนไฟไหม้บ้าน
ไฟไหม้บ้านเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของคนเราเลยก็ว่าได้ เพราะเพลิงไฟลุกเผาบ้านเพียงครั้งเดียวก็พาให้วอดวายไม่เหลืออะไรเลย และถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์น่าสลดใจแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองแน่ ๆ ดังนั้นมาเรียนรู้วิธีป้องกันไฟไหม้บ้านอย่างปลอดภัยตามนี้กันดีกว่า รอบคอบไว้ก่อน จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้น
1. ติดเครื่องตรวจจับควันไฟ
ในบ้านควรจะมีเครื่องตรวจจับควันไฟเอาไว้บ้าง อย่างน้อยชั้นละ 1 เครื่องก็ยังดี และควรจะติดตั้งไว้ในจุดเสี่ยง เช่น ห้องครัว ห้องนอน และโรงรถ เป็นต้น ซึ่งถ้าหากติดตั้งเรียบร้อยแล้วก็ควรต้องหมั่นเช็กแบตเตอรีเป็นระยะด้วย ทางที่ดีควรจดวันที่ที่เปลี่ยนแบตเตอรีทุกครั้ง กันลืม และควรใส่ใจความสะอาดของอุปกรณ์ อย่าปล่อยให้มีใยแมงมุมหรือฝุ่นเกาะจับจนประสิทธิภาพในการตรวจจับควันไฟลดลง
2. ป้องกันไฟในห้องครัว
ห้องครัวเป็นจุดเสี่ยงที่สุดในบ้าน เพราะมีเตาไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถก่อประกายไฟได้อยู่หลายชิ้น ทั้งเตาไมโครเวฟ เตาอบ หม้อหุงข้าว เป็นต้น ฉะนั้นจึงต้องดูแลส่วนนี้กันเป็นพิเศษ ไม่ควรปล่อยให้เตามีคราบอาหารหรือน้ำมันเกาะติด เพื่อป้องกันประกายไฟจากเตากระเด็นมาโดนจนเกิดเพลิงไหม้ นอกจากนี้เวลาทำครัวก็ควรจะใส่เสื้อผ้ากระชับตัว ไม่สวมเสื้อผ้ารุ่ยร่าย ส่วนบริเวณเตาก็อย่าแขวนผ้ากันเปื้อน หรือวางวัตถุไวไฟไว้ใกล้ ๆ ด้วย อีกทั้งหากมีเด็กเล็กอยู่ในบ้านก็ต้องสอนเขาให้ไม่มาเล่นในครัว หรือทางที่ดีก็ควรซื้อถังดับเพลิงและเรียนรู้วิธีใช้ถังดับเพลิงเอาไว้ก็ยิ่งดี
3. สร้างทางหนีไฟ
เพื่อความปลอดภัยของคนในครอบครัว ควรออกแบบบ้านให้มีทางหนีไฟเผื่อเอาไว้หลาย ๆ จุด หรืออย่างน้อยก็ควรติดตั้งบันไดหนีไฟ และเชือกสำหรับหนีไฟไว้ตรงบริเวณหน้าต่าง โดยเฉพาะถ้าเป็นบ้านที่มีหลายชั้น ก็ยิ่งต้องจัดการส่วนนี้ไว้ให้เรียบร้อย รวมถึงควรจะซ้อมหนีไฟกันภายในครอบครัวอยู่เสมอ หรือสอนเด็ก ๆ ให้รู้จักทางหนีไฟทุกจุดในบ้านอย่างครบถ้วน บริเวณโทรศัพท์ก็ควรเขียนเบอร์โทรฉุกเฉิน เช่น เบอร์สถานีตำรวจ และสถานีดับเพลิง ติดให้เห็นอย่างชัดเจน
4. เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
ต้องยอมรับว่าสาเหตุของเพลิงไหม้เกิดจากการกระทำของคนในบ้านเองอยู่บ่อยครั้ง เช่น สูบบุหรี่บนโซฟาผ้า หรือบนเตียงนอน เก็บวัตถุไวไฟไว้ในที่ที่ไม่ปลอดภัย จนเด็กสามารถหยิบมาเล่นได้ง่าย ๆ รวมทั้งการหุงต้มอะไรทิ้งไว้นาน ๆ และการลืมถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ก็ควรเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ให้หมด และหมั่นตรวจสอบความเรียบร้อยทุกบริเวณ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดสามารถเป็นตัวการก่อเพลิงไฟได้ทั้งนั้น เราจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้อย่างยิ่งยวด ด้วยการสำรวจความชำรุดของสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าก่อนการใช้งาน ไม่ควรใช้ปลั๊กพ่วงเสียบใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าหลาย ๆ ชิ้น พร้อมกัน และก่อนจะใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า ควรตรวจสอบกำลังไฟไม่ให้เกินกำลังไฟภายในบ้านด้วย นอกจากนี้ก็ไม่ควรเก็บซ่อนปลั๊กไฟ หรือปลั๊กพ่วงเอาไว้ใต้พรมหรือผ้า รวมถึงก่อนออกจากบ้านก็ต้องถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นออกให้หมด โดยเฉพาะถ้าหากพบว่าปลั๊กไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดไหนที่มักจะร้อนจัด ๆ ก็ต้องเลี่ยงไม่ใช้งาน หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องนำไปเช็กสภาพการใช้งานที่ศูนย์ด้วย
6. ติดตั้งเครื่องตัดไฟ
นอกจากเครื่องตรวจจับควันไฟ ก็ควรติดตั้งเครื่องตัดไฟเอาไว้ในบ้านด้วย เผื่อกรณีที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจรโดยที่เราไม่รู้ตัว เครื่องตัดไฟก็จะสามารถตัดกระแสไฟทั้งหมดในบ้านได้ทัน ก่อนที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับบ้านของเรา รวมทั้งควรติดตั้งสายดินภายในบ้านเพื่อป้องกันเพิ่มขึ้นอีกชั้น
7. ระบายอากาศในบ้าน
หากในบ้านมีอากาศร้อนอบอ้าว ก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดไฟไหม้ได้เช่นกัน ฉะนั้นจึงต้องหาทางระบายความร้อนให้บ้านมีอากาศปลอดโปร่ง เช่น ติดตั้งพัดลมระบายอากาศ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรปิดหน้าต่างและประตูจนมิดชิดเกินไป และควรติดระบบระบายอากาศบนฝ้าเพดานเพิ่มเข้าไปเพื่อความปลอดภัยให้มากขึ้น
เสียเวลาตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านสักนิดก่อนออกไปข้างนอก และลงทุนติดตั้งเครื่องป้องกันไฟไหม้เอาไว้ในบ้านบ้างก็ดี โดยเฉพาะถ้าหากคุณจำเป็นต้องทิ้งบ้านไปไหนไกล ๆ ก็ควรฝากบ้านไว้กับเพื่อนบ้าน ให้เขาช่วยสอดส่องดูแลในระหว่างที่คุณไม่อยู่ด้วยนะ
ขอบคุณ : http://home.kapook.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น