10 ที่เที่ยวในฝันของเมืองไทย! Thailand Dream Destination (1)

“สวยเหมือนฝันไป แต่เที่ยวได้จริงๆ” เมื่อททท. (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) เตรียมเปิดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ในปี 2557 โดยใช้ชื่อ Theme ว่า “Thailand Dream Destination กาลครั้งหนึ่ง..ต้องไป” คัดสรรที่เที่ยวสุดงดงาม ราวกับจุดหมายในจินตนาการ ที่จะทำให้คุณหลงรักประเทศไทยเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ดังนั้น PaiNaiDii จึงขอนำเทรนด์เป็นเว็บแรก ที่จะพาไปสัมผัสประสบการณ์สุดอัศจรรย์ทั้ง 10 แห่งซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความประทับใจ และทำให้ตะลึง! ในความอลังการไปพร้อมกัน...



เส้นทางที่ 1  วัดแก้วสารพัดนึก  พระธาตุผาซ่อนแก้ว  อ.เขาค้อ                       
                  จ.เพชรบูรณ์


"งามดุจสรวงสวรรค์กลางทิวเขาสุดลูกหูลูกตา วิจิตรดั่งฝันด้วยแก้วหลากสีอันทรงค่า"
ทั้งทำเลสูงระฟ้า จนสามารถทอดสายตาชมทิวทัศน์เขียวชอุ่มแบบ 360 องศา ท่ามกลางความเงียบสงบของเมฆหมอกในอ้อมกอดขุนเขา บวกอลังการงานวิจิตรแห่งศิลปะการตกแต่ง จากกระเบื้องหลากสีสัน พลอย เครื่องประดับ สร้อย กำไล รวมถึงถ้วยชามเครื่องเบญจรงค์จำนวนมหาศาล ซึ่งถูกหยิบมาประดับทีละชิ้นจนทั่วองค์พระเจดีย์ จึงไม่น่าแปลกที่หลายคนเปรียบบรรยากาศราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์  โดยวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วเป็นสถานปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง และมีตำนานเล่ากันว่าบริเวณยอดเขานั้นจะมีถ้ำอยู่ปลายยอด ซึ่งชาวบ้านหลายคนเห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า แล้วหายลับเข้าไปในถ้ำ จนเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา นับแต่นั้นจึงถือเป็นสถานที่มงคลอันศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งเป็นที่มาของชื่อ ผาซ่อนแก้ว นั่นเอง

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว


วัดพระธาตุผาแก้ว เดิมชื่อว่า พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่ ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยคุณภาวิณี โชติกุลและคุณ อุไร โชติกุล ได้มีติตศรัททธาซื้อที่ดินถวาย เพื่อก่อสร้างเป็นสถานปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม แล้วยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อได้เดินชมรอบๆวัดจะให้บรรยากาศ ดุจสรวงสวรรค์เนื่องจากตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูง ใหญ่ซ้อนกันเป็นทิวเขา เรียงราย สูงตระหง่าน บนยอดเขานั้นมีถ้ำอยู่ปลายยอดเขาซึ่งมีชาวบ้านทางแดงหลายคนได้เห็นลูกแก้ว ลอนอยู่เหนือฟากฟ้าแล้วลับ หายเข้าไปในถ้าบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุดเสด็จมาและต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความ ศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆกันว่า ผาซ่อนแก้ว และพุทธสถานที่มาตั้วในจุดโอบล้อมด้วยทิวเขาดังกล่าว จึงเรียกว่า พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว ซึ่งเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดงและผู้มาปฏิบัติธรรม ภายในวัดมีสถานที่สำคัญดังต่อไปนี้

เจดียฺพระธาตุผาแก้ว วัตถุประสงค์การสร้างเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครอง ราชย์ครบ 60 ปี และเป็นที่สืบพระศาสนา ให้ดำรงอยู่คู่แผ่นดินไทย เพื่อประโยชน์แก่มนุษยชาติ และคนรุ่นหลัง ได้มีโอกาสเรียนรู้ต่อไปบนยอดเจดีย์จะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับประทานม จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก และ บริเวณใต้ฐานพระเจดีย์จะใช้เป็นที่เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน, ภาพปริศนาธรรม และเป็นที่เจริญสติภาวนา สำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป

ศาลาปฎิบัติธรรม(ศาลาพระหยกเขียว) เป็นศาลารูปทรงจัตุรัสโปร่ง รายรอบด้วยบานกระจกขนาดใหญ่ เพื่อให้สัมผัสกับธรรมชาติของขุนเขาอันเขียวชอุ่ม พร้อมทั้งมีสวนดอกไม้นานาพันธุ์โดยรอบ

พระพุทธเลิศรัตนโชติมณี พระรัตนโชติมณี หรือ "พระหยกเขียว" เป็นพระพุทธรูปหยกปางมารวิชัย ซึ่งเป็นศิลปะสมัยเชียงแสน มีขนาด หน้าตัก 65 นิ้วทั้งองค์พระถูกแกะสลักจากหยกเขียวทั้งก้อน ที่พระเศียรได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็น พระสารีริกธาตุที่รับเมตตาประทานจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณา

พระพุทธรัตนสัมฤทธิ์ผล พระพุทธรัตนสัมฤทธิ์ผล หรือ "พระหยกขาว"เป็นพระพุทธรูปหยกปางขัดสมาธิเพชรสร้างตามรูปแบบศิลปะ คันธาระ มีขนาดหน้าตัก 39 นิ้ว พระเศียรขององค์พระ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับเมตตาประทานจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ได้ทำพิธีอัญเชิญประดิษฐาน ณ พุทธธรรมสถานผาแก้ว

ลานโพธิ์ เป็นสถานที่อันเป็นมงคลอีกแห่งหนึ่ง ในพุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว ซึ่ง ณ จุดใจกลางบริเวณลานโดยรอบ จะมีต้นศรีมหาโพธิ์ปลูกไว้ โดยได้นำกล้าโพธิ์ขนาดความสูง3 นิ้วมาจาก พระครูธรรมศาสน์อุโมษ (พระครูในฎีกา ธงไชยวัฒน์ อิสฺสรธมฺโม) วัดท่ากระชัย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งท่านนำมาจากบริเวณรอบเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย และได้มีเมตตามอบผ่านมาทางศิษย์ พระอาจารย์อำนาจ โอภาโสเพื่อให้นำมาปลูกเป็นเครื่องยึดเ หนี่ยวศรัทธา เพราะถือเป็นต้นไม้ที่ได้ให้ร่มเงาแด่พระพุทธองค์ และได้ทรงตรัสรู้ธรรมภาย ใต้ร่มโพธิ์พระอาจารย์ อำนาจ โอภาโส พร้อมด้วย พระอาจารย์ยงยุทธ สุรยุทฺโธ อีกทั้งญาติธรรม ได้นำกล้าโพธิ์ดังกล่าว ลงปลูกบริเวณ ลานโพธิ์ในวันวิสาขบูชา ปี พ.ศ.2547 พร้อมทั้งทำพิธีเวียนเทียนรอบต้นพระศรีมหาโพธิ์ ในวันสำคัญทาง ศาสนา ต่างๆ มาโดยตลอด นอกจากนี้ผู้ปฏิบัติธรรมเป็นใช้เป็นสถานที่เดินจงกรม ในการเจริญสติอีกด้วย



เส้นทางที่ 2  ป่าสนเจ็ดสี  โครงการหลวงวัดจันทร์

                  อ.กัลยาณิวัฒนา  จ.เชียงใหม่

"อลังการป่าสน  กับความงามที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของธรรมชาติ  ที่พร้อมใจผลัดเปลี่ยนสี และหลากดอกไม้งาม"
จากหมู่บ้านที่ต้องเผชิญความลำบาก ก่อนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงโปรดเกล้าให้พัฒนาจนกลายเป็น “โครงการหลวงหมู่บ้านวัดจันทร์” เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของราษฏร กระทั่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติกในปัจจุบัน ไฮไลต์สำคัญคือสัมผัสความอลังการของป่าสนใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเพลิดเพลินกับหลากสีสันของใบไม้งามตามธรรมชาติ เช่น ใบเมเปิ้ลสีแดงส้ม ที่พร้อมใจผลัดใบในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ของทุกปี ใกล้กันมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่หากมาเยือนในยามเช้า จะได้ยลสายหมอกแห่งความหนาวจับกลุ่มลอยฟุ้งเหนือผิวน้ำ ปกคลุมทิวสนจนกลายเป็นวิวสุดงดงาม และยังมีจักรยานให้ปั่นดื่มด่ำอากาศบริสุทธิ์, เดินศึกษาป่าสน หรือคลุกคลีไมตรีจิตจากชาวบ้านปากะญอได้ตามอัธยาศัย    

ป่าสนวัดจันทร์
ป่าสนวัดจันทร์
ป่าสนวัดจันทร์
ป่าสนวัดจันทร์
ป่าสนวัดจันทร์
ป่าสนวัดจันทร์
ป่าสนวัดจันทร์
ป่าสนวัดจันทร์
ป่าสนวัดจันทร์

โครงการหลวงวัดจันทร์ หรือ ป่าสนวัดจันทร์ ตั้งอยู่ในอำเภอกัลยาณิวัฒนา จ. เชียงใหม่ ก่อกำเนิดขึ้นหลังจากที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรชาวเขาในเขตหมู่บ้านวัดจันทร์ พระองค์ทรงทราบถึง ความยากลำบากของชาวเขาในพื้นที่ จึงมีพระราชดำริให้มีการพัฒนาบ้านวัดจันทร์และหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อก่อตั้ง “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์” ขึ้น เพื่อช่วยให้สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้ราษฎร เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นที่นี่เป็น แหล่งท่องไฮไลต์มีทิวทัศน์ ธรรมชาติ สวยงามของป่าสนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในช่วงฤดูหนาวดินแดนกลางหุบเขาแห่งนี้ จะถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกและสายลมอันหนาวเย็น ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ คงไม่พ้นหลงเสน่ห์กับความงาม ที่มองเห็นอยู่ตรงหน้า ภาพสายหมอกลอยพริ้วปกคลุมทิวสนและอ่างเก็บน้ำ รวมทั้งสีสันสดสวยของใบเมเปิ้ลที่พร้อมใจกันผลัด เปลี่ยนสีในช่วงปลายปี บวกกับธรรมชาติอันอุดมงดงามและไมตรีจิตของชาวพื้นถิ่น ทั้งหมดนี้จะยังคงตราตรึงอยู่ในความประทับใจ ของผู้ที่ได้ไปเยือนตราบนานเท่านาน

กิจกรรมที่น่าสนใจในโครงการหลวงวัดจันทร์
1.ชมความงามของไอหมอกที่ลอยเหนือน้ำในยามเช้า
2.ชมใบเมเบิ้ลเปลี่ยนสี (ช่วงเดือน ม.ค.- ก.พ.)
3.ปั่นจักรยานดื่มด่ำกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์
4.เดินป่าศึกษาธรรมชาติซึ่งมีทั้งป่าสนสองใบและสามใบ
5. เยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวปากะญอ

โครงการหลวงวัดจันทร์มีบ้านพักให้บริการหลายหลัง บ้านพักสะดวกสบายมีเครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องนอน ไม่มีแอร์ พัดลมเพราอากาศเย็นสบายตลอดปี  มีจุดกางเต้นท์สำหรับให้บริการนักท่องเที่ยว ธรรมเนียมกางเต็นท์คนละ 50บาท ต่อคืน โครงการไม่มีเต็นท์ให้บริการต้องเตรียมมาเอง มีอาหารให้บริการแต่ต้องแจ้งล่วงหน้า คิดค่าบริการอาหารเช้าท่านละ 100 บาท อาหารกลางวัน ท่านละ 150 บาท  อาหารเย็นท่านละ 120 บาท  รายละเอียดการจองบ้านพัก  http://www.fio.co.th 

ที่ตั้ง : องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์) หมู่ที่ 3 ต.กองแขก อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ 

สำนักงาน โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ 291 ถ.แก้วนวรัฐ ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50000 โทรศัพท์ 053-249349 โทรสาร 053-260072

วันเวลาที่แนะนำ : สามารถเดินทางเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะพบเห็นหมอกปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขา รวมทั้งต้นเมเปิ้ลจะผลัดใบเปลี่ยนสีในช่วงปลายปี



ขอบคุณ  : http://www.painaidii.com  &  http://www.paiduaykan.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

ต่อหัวเสือ...ไม่ร้ายอย่างเสือ