'เลือกชาติสงบมากกว่ารายได้ดี'


 

อาการก้มๆ เงยๆ เก็บขวดพลาสติกของ "ทองใบ จำนงค์วุธ" ชายวัย 57 ปี บริเวณแยกโบ๊เบ๊  ท่ามกลางผู้ชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และขับไล่ระบอบทักษิณ ที่เดินกันขวักไขว่อาจจะไม่ได้รับความสนใจจากใคร
    
          "ทองใบ" เป็นคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต เมื่อปลายปี 2549 ครั้งนั้นเขาประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างกวาดถนนของสำนักงานเขตพระนคร แต่ได้ลาออกมาเก็บ "ขยะขาย" เนื่องจากประสบปัญหาเรื่องการเดินทาง
    
          เมื่อลาออกจากการเป็นลูกจ้างกวาดถนนแล้ว  "ทองใบ" ได้ตัดสินใจมา "เก็บขยะขาย" ที่บริเวณตลาดโบ๊เบ๊ เพราะไม่อยากให้เพื่อนที่ทำงานเก่าเห็น
    
          "ทองใบ" เล่าว่า ถ้าไม่มีการชุมนุมจะเก็บขยะไปขายได้อย่างวันละ 1 เที่ยว เพราะมีขยะไม่มาก ขยะส่วนใหญ่มาจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้า หรือผู้ที่มาติดต่อซื้อสินค้าบริเวณตลาดโบ๊เบ๊
    
          ขวดพลาสติก 1 ถุงปุ๋ย จะมีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม แต่ถ้าเหยียบให้ขวดพลาสติกแบน จะทำให้บรรจุขยะเพิ่มขึ้น โดยได้ขยะเพิ่มขึ้นประมาณ 10-13 กิโลกรัม ขวดพลาสติกกิโลกรัมละ 14 บาท เมื่อก่อนกิโลกรัมละ 3 บาท เมื่อก่อนไม่ค่อยมีคนเก็บขาย ถ้าไม่มีการชุมนุม "ทองใบ" จะเก็บขยะบริเวณตลาดโบ๊เบ๊ โดยเริ่มเก็บตั้งแต่เวลาตีห้า และตอนกลางวัน โดยช่วงเย็นจะนำขยะไปขาย มีแหล่งรับซื้ออยู่ใต้สะพานทางด่วนยมราช
    
          การชุมนุมเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา ช่วงเช้า "ทองใบ" ขายขยะไปแล้ว 2 เที่ยว โดยเที่ยวแรกขายขยะได้ 13 กิโล รอบสองอีก 9 กิโลกรัม เฉลี่ยรายได้ตั้งแต่มีการชุมนุม "ทองใบ" จะมีรายได้เฉลี่ย 2,000-3,000 บาทต่อสัปดาห์
    
          แม้จะมีรายได้ดีขึ้นกว่าเหตุการณ์บ้านเมืองปกติ แต่ "ทองใบ" ก็ไม่อยากให้มีการชุมนุม เพราะไม่อยากให้ประเทศวุ่นวายถ้าให้เลือกระหว่างประเทศสงบสุขกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น "ทองใบ" ขอเลือกให้ประเทศสงบสุขดีกว่า
    
          เมื่อเปรียบเทียบการเก็บขยะช่วงเหตุการณ์ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อสีแดงเมื่อปี 2552-2553 กับการชุมนุมต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมปัจจุบัน "ทองใบ" บอกว่า บรรยากาศการชุมนุมปัจจุบันดูเป็นมิตรมากกว่า การทิ้งขยะก็จะกองรวมไว้ตามต้นไม้ หรือเสาไฟฟ้า แต่ถ้าเป็นการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงจะเน้นใช้รถยนต์วิ่งตามท้องถนน ขยะจะกระจายเก็บยากกว่า แต่กลุ่มที่ชุมนุมอยู่นี้เน้นเดินตามท้องถนนไม่ค่อยมีรถยนต์แห่ขยะจึงเก็บง่ายกว่า เพราะผู้ชุมนุมจะทิ้งขยะเป็นจุดๆ เก็บแค่บริเวณแยกโบ๊เบ๊สักพักก็ได้เต็มถุงปุ๋ยแล้ว
    
          "ม็อบคนเสื้อแดงมีการ์ดจำนวนมากจึงไม่ค่อยกล้าเข้าไปเก็บขยะ และการชุมนุมในครั้งนั้นจะมีเสียงคล้ายระเบิดหรือเสียงเหมือนปืนจึงไม่ชอบเข้าไปยุ่งวุ่นวาย ผมเป็นคนรักสันโดษ แต่ม็อบนี้(กำนันสุเทพ) ได้ยินแต่เสียงนกหวีดอย่างเดียว ไม่เห็นมีอาวุธ ที่บอกว่าสันติอหิงสาก็น่าจะเป็นจริง" ทองใบ กล่าว
    
          เมื่อให้เปรียบจำนวนคนที่มาร่วมชุมนุมของคนสองกลุ่ม "ทองใบ" บอกว่า กลุ่มต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมมีจำนวนมากกว่าหลายเท่า
    
          เมื่อถามว่ารู้หรือไม่ผู้ชุมนุมมาเรียกร้องอะไร "ทองใบ" ตอบว่า เขามาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ยุบสภาแล้วไม่ต้องรักษาการ ให้ออกไปเลย ให้ระบอบทักษิณออกไปด้วย
    
          เมื่อถามต่อว่าเห็นด้วยหรือไม่ "ทองใบ" ตอบว่า ผมไม่เห็นจะเป็นอย่างไร หมายถึงเขาจะไปอย่างไรก็เรื่องของเขา เราก็อยู่อย่างนี้ ใครจะคิดอย่างไรผมไม่รู้ เขา(นายกรัฐมนตรี)จะอยู่อย่างไร ผมก็ยังหากินอยู่แบบนี้ เขาวุ่นวายเราหากินไม่ได้ แต่รู้เรื่องที่เขาชุมนุม ผมไม่ได้อ่านข่าว ฟังจากเครื่องเสียงที่ติดตั้งตรงมุมถนนแยกตลาดโบ๊เบ๊ (ชี้มือไปที่เครื่องเสียง) มีเสียงคนปราศรัย ทำให้รู้ว่าเขามาชุมนุมกันทำไม
    
          ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2552-2553 "ทองใบ" บอกว่า ไม่รู้สาเหตุที่มาไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  รู้แต่คำว่าเป็นรัฐบาลสองมาตรฐาน แต่ไม่รู้แปลว่าอะไร แล้วก็มีการฆ่ากันตายเกือบร้อยศพ แต่การชุมนุมที่นี่ยังไม่มีข่าวมีคนตายในที่ชุมนุม
    
          "การชุมนุมแบบนี้ดีกว่า อาจสร้างความรำคาญบ้างกับคนที่ทำมาหากิน แต่คนที่เห็นด้วยก็มาชุมนุมเฮฮากันไป ส่วนผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร เขายิ่งเฮฮาเรายิ่งเก็บของได้แยะ รัฐบาลไหนไปหรือมาผมก็ยังต้องทำมาหากินเหมือนเดิม"
    
          "ทองใบ" เล่าว่า ตั้งแต่มีการชุมนุมมีคนเก็บขยะหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก หน้าตาแปลกๆ ไม่ใช่คนเก็บขยะแถวนี้ แต่งตัวดี ตอนแรกคิดว่าคงไม่ได้มาเก็บขยะ แต่พอเห็นเขาถือถุงขยะในมือ จึงรู้ว่าพวกเขามาเก็บขยะ เฉพาะบริเวณตลาดโบ๊เบ๊มีเพิ่มขึ้นหลายคน ถ้าเป็นคนเก็บขยะแถวนี้จำหน้าได้หมด
    
          "ตั้งแต่มีการชุมนุมต้องตื่นเร็วขึ้น เมื่อก่อนตื่นตีห้า แต่ตอนนี้ตีสาม ก็ต้องตื่นแล้ว เพราะคนเก็บขยะมีจำนวนเพิ่มขึ้น และไม่สะดวกเวลานำไปขายมีการชุมนุมทำให้จราจรติดขัดเอาของไปขายลำบากคนรับซื้อปิดรับซื้อขยะเวลา 4 โมงเย็น จึงต้องเอาขยะไปขายตอนเช้าตรู่ เพราะผู้ชุมนุมยังเดินทางมาไม่มาก"
    
          เมื่อถามถึงเรื่องค่าครองชีพ "ทองใบ" บอกว่า ช่วงนี้ข้าวของแพงมาก มีเงิน 100 บาทกินแทบไม่อิ่ม สมัยก่อนเงิน 100 บาทยังเหลือเก็บบ้าง รู้สึกเลยว่าของแพงขึ้น ราคาข้าวราดแกง 30 บาท กับข้าวสองอย่าง 40 บาท ต่อวันใช้จ่ายวันละเกือบ 200 บาท เพิ่งมีวันนี้ (9 ธ.ค.) ไม่ต้องซื้อ เพราะได้รับข้าวจากผู้ชุมนุมมาแจกบริเวณนี้ แต่วันอื่นไม่เคยไปร่วมชุมนุมหรือไปฟังการชุมนุม ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลอยากให้ค่าครองชีพถูกลง
    
          "รัฐบาลนี้ประกาศขึ้นค่าแรง 300 บาท ทำให้ราคาของขึ้นตามไปด้วย สรุปแล้วก็เหมือนไม่ได้ขึ้นค่าแรง เพราะราคาสินค้าขึ้นราคาเราต้องจ่ายมากกว่าเงินที่รัฐบาลขึ้นให้อีก ผมโชคดีที่ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีครอบครัว ทำให้ไม่ต้องมีภาระเพิ่ม" ทองใบ เล่าเหมือนคนที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ตลอด
    
          "ทองใบ" บอกว่า จะทำอาชีพนี้ไปจนกว่าร่างกายจะทำไม่ไหว หรือถ้าใครมาแนะนำให้ทำอาชีพอื่นที่ดีกว่าก็จะไป แต่ชอบอาชีพ "เก็บขยะขาย" เพราะอิสระเป็นนายตัวเอง




ขอบคุณ  :  คุณสมถวิล เทพสวัสดิ์   &  http://www.komchadluek.net

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร (บุญใหญ่ อินทปญโญ) วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์