ลังกาวี ดินแดนแห่งคำสาป
ลังกาวี: ดินแดนแห่งคำสาป เกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามันซึ่งตั้งอยู่ในรัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย ถือเป็นเกาะแห่งหนึ่งที่น่าสนใจและมีมนต์ขลังของคำสาปที่ถูกจารึกไว้มา 7 ชั่วอายุคนแล้ว
สำหรับการเดินทางไปยังเกาะลังกาวีก็ไม่ยากครับ (เกาะลังกาวีอยู่ใกล้เมืองไทยมากกว่าแผ่นดินใหญ่ของประเทศเค้าเสียอีก) เราสามารถเดินทางผ่านจังหวัดสตูลเข้าทางอำเภอตำมะลัง ซึ่งเป็นท่าเรือที่จะนำท่านเดินทางขึ้นเรือเดินทางสู่เกาะลังกาวี โดยการเดินทางจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชม ซึ่งระหว่างเดินทางท่านจะได้สัมผัสกับความงดงามของทะเลฝั่งอันดามัน ไม่ว่าจะเป็นเกาะเล็ก เกาะน้อย ธรรมชาติของสรรพสัตว์ และการดำรงอาชีพของชาวประมง
เมื่อมาถึงลังกาวี…เราก็ต้องเข้าแถวตรวจคนเข้าเมืองที่ Jetty Point กันก่อน ซึ่งใน Jetty Point นั่นจะขายพวกสินค้าปลอดภาษีมากมายเลือกกันจนตาลายเลยครับ…ออกมาจากจุดดังกล่าวเราก็เริ่มจะเดินทางตระเวนรอบเกาะแล้วครับซึ่งการเดินทางตระเวนรอบเกาะนั่นแนะนำเช่าเหมารถครับมีให้เลือกตั้งแต่เช่าเหมาสองคนถึงหมู่คณะเลยครับ (หากท่านเหมารถเช่าแล้ว เขาจะมีแผนที่ให้เลือกสถานที่ท่องเที่ยวครบรอบเกาะเลยครับ)
สำหรับสถานที่แรกที่แนะนำคงหนีไม่พ้นสถานที่ที่ทำให้เกาะลังกาวีได้ขึ้นชื่อว่าดินแดนแห่งคำสาปนั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์นางไหมสุหรี
“นางไหมสุหรี เป็นภรรยาของน้องชายสุลต่าน เจ้าเมืองลังกาวีเกิดถูกใส่ร้ายโดยพี่สะใภ้ของสามี กล่าวหาว่ามีชู้ .. นางจึงถูกประหารด้วยกริช ก่อนตาย นางอธิษฐานว่า หากนางต้องตาย ขอให้ตายด้วยกริชของสุลต่านเท่านั้น และหากนางเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้คบชู้ ขอให้ดินแดนแห่งนี้มีอันเป็นไปเจ็ดชั่วโคตร เมื่อใช้กริชของสุลต่านประหารนาง … เลือดของนางกลายเป็นสีขาว และลังกาวีก็ถูกสาปมาตั้งแต่บัดนั้น …. จนเวลาผ่านไป ถึงรุ่นที่เจ็ด น้องสิรินทรา สาวภูเก็ต ทายาทรุ่นที่เจ็ด ซึ่งทางประเทศมาเลเซีย เชิญมาเป็นผู้แก้คำสาปของเกาะลังกาวี จากนั้น ลังกาวี ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย …”
สถานที่นี้คือจุดที่เป็นหลุมฝังศพของนางไหมสุรี ซึ่งเค้าเชื่อว่าเป็นที่ฝังศพของนางไหมสุรีจริงๆ
หลังจากแวะพิพิธภัญฑ์นางไหมสุรีกันพออิ่มแล้ว เราก็จะเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป Oriental Village ที่ตั้งของ Panorama Cable Car ซึ่งหากใครมาเดินถึงลังกาวีแล้วไม่ขึ้น Cable Car เขาถือว่ามาไม่ถึงน่ะครับ
ตรงส่วนของ Oriental Village จะคล้ายๆ กับ Palio ที่เขาใหญ่เลยครับ คือเป็นหมู่บ้านที่สร้างขึ้นมาโดยจำลองบรรยากาศของเมืองเมืองหนึ่ง ซึ่งผมดูไม่ออกว่าเมืองอะไร แต่เดาว่าน่าจะเป็นโซนเอเชียอาคเนย์เรานี่แหละ (มีป้ายเขียนว่า “ถนนสุขุมวิท” เป็นภาษาไทยด้วย)
เมื่อตระเวนรอบ Oriental Village ก็ถึงเวลาเราจะขึ้นกระเช้า Panorama Cable Car ซึ่งหากเป็นช่วงเทศกาลที่รอเข้าแถวขึ้นกระเช้า 1-2 ชม แต่หากเป็นช่วงเวลาปกติจะอยู่ที่ครึ่งชมเท่านั่น สำหรับราคากระเช้าไป-กลับ นั่นอยู่ที่ 30 ริงกิต (ประมาณ 300 บาท) ซึ่งจะมีการหยุดแวะชมวิวถึงสามสถานีด้วยกันครับ
จุดจอดแต่ละสถานีจะมีสะพานแขวนให้เดินชมวิว ถ่ายรูป (ถ้าคนกลัวความสูงแนะนำอย่าได้มองลงจากสะพานน่ะครับ)
ลงจากกระเช้าแล้ว ตอนนี้แดดเริ่มร้อนแล้วครับ เราจะเข้าแวะชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำของลังกาวีครับ (under water world) พูดถึง under water world เดี๋ยวนี้คนไทยอาจรู้สึกเฉยๆ เพราะที่บ้านเราก็มีอยู่หลายแห่ง ทั้งน้ำจืดน้ำเค็ม ที่ใหญ่โตเทียบได้กับระดับอินเตอร์ก็มีที่โอเชี่ยนเวิร์ล ส่วนที่อื่นๆก็เป็นแบบไม่ใหญ่โตนัก แต่ก็สร้างความตื่นเต้นให้กับเด็กๆและคนที่ยังไม่เคยเห็นไม่น้อย…ที่ลังกาวีก็มี Under Water World มาหลายปีแล้ว อาจไม่มีอุโมงค์ใต้น้ำเหมือนที่อื่นๆ แต่ก็มีพันธ์สัตว์น้ำเค็มที่หากยากมาไว้ให้ดูกัน จะบอกว่าเล็กแต่มีคุณภาพก็ว่าได้
ทันทีที่พ้นประตูเข้าไปก็จะเห็นเจ้าอานาคอนด้า หรืองูเหลือมยักษ์ เป็นงูชนิดเดียวกับที่เคยเห็นในสารคดี ตัวใหญ่มาก น้ำหนักน่าจะราว 200 โล ส่วนปลาทะเลชนิดต่างๆก็มีอยู่มาก และตัวใหญ่ๆโตๆทั้งนั้นหลายชนิดบอกว่ามาจากลุ่มแม่น้ำอเมซอน ซึ่งก็หาดูได้ยากในที่อื่นๆ ที่เป็นดาราของที่นี่ก็เป็นพวกปลาสีแปลกๆ ส่วนพระเอกของสถานที่นี้ก็น่าจะเป็นม้าน้ำที่เป็นพันธ์ใหญ่ และที่ราคาแพงที่สุดก็เป็นม้าน้ำที่เป็นเหมือนใบไม้สีเหลืองๆมากกว่าจะเป็นปลา เห็นบอกว่าตัวนี้ราคาหลายแสนบาท (แต่เขาไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปครับ)
รูปแบบของพิพิธภัณฑ์และการแสดงก็คล้ายกับเมืองไทยของเราน่ะครับ อาจจะแตกต่างแค่พันธุ์ปลาของแต่ละพื้นที่มากกว่าครับ แต่ถ้าได้เข้าไปก็ได้ความรู้มากหน่อยน่ะครับ
ก่อนกลับเราจะแวะหาดทรายดำ Pantai Pasir Hitam หรือ Black Sand Beach หาดขึ้นชื่อที่สุดของลังกาวีที่ใครเดินทางมามักจะเก็บใส่ขวดมาฝากเพื่อนๆ(อันนี้ไม่แนะนำ)
หาดนี้ทรายดำอย่างที่เห็นจริงๆครับ แต่ต้องเลือกจุดดูด้วยครับ เพราะบางจุดหาดมันก็ไม่ดำมากแต่ถ้าหาดทรายดำแบบนี้สวยมากครับ
ก่อนกลับเราจะแวะเข้าไปดูนกอินทรีตัวโต สัญลักษณ์ประจำเมืองลังกาวี ขอบอกว่าตัวใหญ่มากๆครับ
สำหรับทริปการเดินทางนี้ประหยัดหน่อยครับเพราะไม่ได้ใช้จ่ายมาก ค่าเรือ ค่ารถ รวมๆตกคนละไม่เกินสามพันบาทครับ คุ้มมากครับ แต่แนะนำหน่อยสำหรับการกิน อาหารของประเทศมาเลเซียอาจจะไม่ถูกปากคนไทยสักเท่าไรแนะนำหาร้านอาหารไทยครับจะอร่อยและถูกปากอย่างแน่นอนครับ….
ขอบคุณ : http://travel.mthai.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น