บอกฝรั่งว่าทำไม ไทยต้องแก้ไขกันเอง


  

                                                                   บอกฝรั่งว่าทำไม ไทยต้องแก้ไขกันเอง                                                                                                               โดย....กษิต  ภิรมย์


ผมได้สนทนาทั้งทางวาจาและลายลักษณ์อักษรกับชาวต่างชาติหลายๆ ท่าน เกี่ยวกับสถานการณ์การประท้วงในประเทศไทย คู่สนทนาบางรายก็โต้เถียงกลับมาว่า ในเมื่อนายกรัฐมนตรีปูเขายุบสภาแล้ว ทำไมผู้ประท้วงจึงยังไม่เลิกรา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตามวิถีทางประชาธิปไตยสากลเสียที

ผมบอกว่า แค่ยุบสภาไม่เป็นการเพียงพอ เสมือนด้านหนึ่งของเหรียญสตางค์ ต้องทำอีกด้านหนึ่งคือ ยายปูต้องลาออกไป เพราะหมดความชอบธรรมแล้ว ทั้งล้มเหลวในการบริหารราชการ แถมยังละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญอีกด้วย

เขาก็บอกว่า แต่ยายปูมาจากการเลือกตั้ง และการเป็นรัฐบาลรักษาการระหว่างการเลือกตั้งนั้นชอบด้วยกฎหมาย เป็นไปตามครรลองประเพณีปฏิบัติสากล

ผมตอบกลับว่า ในหลายๆ ประเทศที่เป็นสากลนั้น ผู้นำเขาน้อมรับผิดชอบต่อการกระทำของตน และแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์หรือเรื่องหนึ่งใดที่เกิดขึ้นระหว่างที่เป็นผู้นำอยู่ แม้จะมิได้กระทำด้วยตนเองก็ตาม ด้วยการพิจารณาตนเอง ถอนตัวออกไปจากอำนาจ ในทางกลับกัน ยายปูของไทยนั้น  ผลงานก็ไม่มี สร้างแต่ปัญหา มีแต่ผลเสียให้ประเทศ แต่เธอไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดๆ อ้างอย่างเดียวว่า มาจากการเลือกตั้ง โดยไม่พูดถึงความผิดที่ตนกระทำไปหลังได้รับการเลือกตั้งอยู่ในอำนาจ 2 ปี ส่วนการยุบสภาเป็นการแค่หาทางออกให้ตนเอง เพื่อให้ตนและรัฐบาล ลอยตัวจากการกระทำเลวร้ายต่างๆ นานาที่ทำต่อสังคมไทย

ประชาชนไทยเอือมระอา ขยะแขยง ต่อพฤติกรรมไร้อาย ไม่ต้องการให้ยายปูอยู่ในตำแหน่ง เพื่อสร้างความเสียหายต่อประเทศอีกต่อไป ที่สำคัญ ยายปูเป็นหุ่นเชิดของระบอบทักษิณ ที่พยายามครอบงำอำนาจบริหารประเทศไทยอย่างเบ็ดเสร็จเผด็จการมาโดยตลอด เมื่อประชาชนไทยตระหนักอย่างชัดแจ้งแล้ว ก็ไม่ต้องการประสบพบเห็นและเกี่ยวข้องอีก จึงลุกขึ้นมาเดินขบวนกันใหญ่โต ชนิดที่ไม่เคยมีมาในประเทศไทย เพียงเพราะอยากเห็นระบอบอันเลวร้ายนี้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย แล้วจะได้ร่วมกันสร้างอนาคตประเทศไทยภายใต้ประชาธิปไตยอันแท้จริงกันเสียที

เขายังท้วงว่า หากมีรัฐบาลรักษาการที่มิใช่ยายปู ก็จะไม่เป็นประชาธิปไตย ผมก็อธิบายไปว่า กติกาประชาธิปไตยของไทยนั้น ให้อำนาจดำเนินการลักษณะนี้ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่จะอำนวยให้กระทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งไม่ได้เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญเลย

เขาก็แย้งว่า ถ้าเลือกตั้งเสียก่อน ใครชนะ ค่อยปฏิรูปก็ได้นี่ ผมส่ายหน้าตอบไปว่า จากพฤติกรรมที่แล้วๆ มาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์และบรรดาขี้ข้าทักษิณ หากเครือข่ายระบอบทักษิณชนะ ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่า จะมีการปฏิรูป และถึงฝ่ายทักษิณจะแพ้เลือกตั้ง เขาก็จะใช้พลังอำนาจที่เหลืออยู่ในการขัดขวางการปฏิรูปอย่างเต็มที่แน่นอน ฉะนั้น หากการปฏิรูปเป็นคุณต่อประเทศไทยอย่างแท้จริง ก็สมควรจะได้ปฏิรูปกันเสียก่อน แล้วค่อยจัดการเลือกตั้ง

เขาก็ยังคงเถียงว่า การปฏิรูปก่อนนั้น อาจไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ผมก็ได้แต่บอกไปว่า คนออกมาชุมนุมเป็นล้านคน มีทุกสาขาอาชีพ มีกันทุกเพศ ทุกวัย มาจากทุกแห่งทุกหน ฉะนั้น คนที่มาทำการปฏิรูปก็คงจะได้สะท้อนทุกสาขาอาชีพและคงได้รับการเลือกตั้งเข้ามาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง และจะไม่มีสาขาหรือกลุ่มเคลื่อนไหวใดถูกกันออก (Inclusive not exclusive)

เขาก็ตอบกลับว่า ถ้าเครือข่ายทักษิณชนะเลือกตั้งอีก ก็แสดงว่าประชาชนต้องการ และเห็นว่าตัวทักษิณ นโยบายและวิธีการดี ผมก็บอกว่า ถ้าใช้ระบบเลือกตั้งเดิม รูปแบบการเมืองเดิม ก็คงจริงที่ทักษิณคงจะชนะอีก แต่ไม่ใช่เพราะประชาชนเห็นว่า เขามีนโยบายดี หากแต่เป็นเรื่องเงินสะพัด อำนาจนิยมเบ่งบานและประชานิยมโกหกหลอกลวงต่างหาก นี่คือที่มาของมวลชนที่ต้องการให้ปฏิรูประบบการเมืองทั้งหมดใหม่ เพื่อป้องกันและขจัดการเมืองสกปรก การเมืองหลอกลวงออกไปจากสังคมไทย ผมเชื่อว่าในโครงสร้างการเมืองใหม่ที่สะอาดนั้น ระบอบทักษิณจะไม่มีที่ยืน และไม่สามารถแข่งขันด้วยวิธีสกปรกเดิมๆได้ อีกทั้งบทบาทของพรรคและนักการเมืองจะถูกจำกัด ลดน้อยลง เพราะประชาชนจะเข้ามาใช้อำนาจของตนในการจัดการอนาคตตนเองและประเทศมากขึ้นโดยตรง

ผมเน้นย้ำว่า ต้องมีการปฏิรูปให้เสร็จสิ้นก่อนเลือกตั้งใหญ่ เพราะจะส่งผลดีสำหรับสังคมไทย แต่ถ้ายังหลับหูหลับตาจัดการเลือกตั้งตามกฎเกณฑ์เดิม ก็คงมีการคว่ำบาตรอย่างใหญ่หลวง จะทำให้การเลือกตั้งหมดความชอบธรรม และสูญเสียงบประมาณจัดการเลือกตั้งโดยเปล่าประโยชน์
ตลอดหลายปีนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมมีโอกาสสนทนากับผู้นำต่างประเทศ และผู้แทนการทูต ผมมักบอกเขาว่า เมื่อพวกท่านประสบความสำเร็จในการพัฒนาประชาธิปไตยแล้ว ประเทศของท่านบริหารจัดการแบบธรรมาภิบาลที่ดี พวกท่านก็น่าจะกรุณามาให้ความรู้ แบ่งปันประสบการณ์กับพวกเรา เพื่อช่วยให้องค์กร กลไกและบุคลากรของเรา ได้มีความรู้ ความชำนาญและความเข้มแข็ง รวมถึงจัดวางหลักสูตรการให้ความรู้เรื่องการเมืองที่ถูกต้องในสังคมประชาธิปไตยกับประชาชนไทยอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดองค์กรประชาคมแห่งประชาธิปไตย(The Community of Democracies) โดยประธานคณะมนตรีชาวอเมริกันที่พำนักอยู่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และเลขาธิการอยู่ที่กรุงวอร์ซอ ซึ่งติดตามความเป็นไปในไทยมาตลอด ได้แสดงความประสงค์จะส่งคณะผู้แทนมาให้ข้อคิด ข้อแนะนำเรื่องการปฏิรูปการเมือง โดยเห็นว่า ประเทศไทยกำลังปรับเปลี่ยนหรือมุ่งเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริง(ถ้าท่านจำไม่ได้ว่าองค์กรนี้เป็นใคร ขออนุญาตย้อนความจำหน่อยว่า องค์กรนี้คือ ผู้จัดการประชุมใหญ่ที่กรุงอูลันบาตอร์ มองโกเลีย ที่ยายปูไปประจานประเทศไทยว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยเท่าตระกูลชินวัตร นั่นแหละ) ซึ่งสะท้อนว่า การปฏิรูปของเราจะไม่โดดเดี่ยวหรือถูกโดดเดี่ยวดังที่ยายปูต้องการ

ผมย้ำกับเพื่อนต่างประเทศว่า ไทยมีวิธีแก้ไขปัญหาแบบของเราเอง เพราะมีสถานการณ์ที่พิเศษกว่าประเทศอื่นๆ ที่ประชาธิปไตยเจริญแล้ว เพราะประเทศเขาเหล่านั้น ไม่มีรัฐบาลที่ทำผิด ทุจริต และขัดรัฐธรรมนูญ แล้วยังหน้าด้านอยู่ในตำแหน่งไปเรื่อยๆ แม้จะมีคนเป็นล้านออกมาเดินขบวนขับไล่ และเรียกร้องการปฏิรูป ก็ใช้วิธียุบสภาหนี แทนที่จะทำให้การปฏิรูปเป็นจริง กลับลากประเทศสู่การเลือกตั้งในกติกาที่เอื้อให้มีการซื้อเสียง ซื้อสส.  ได้สัมปทานประเทศ เพื่อให้ตนกลับมารวบอำนาจเผด็จการรัฐสภาและสืบทอดตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหารประเทศผ่านทางสายเลือดไปเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้ไม่มีวันเกิดขึ้นในประเทศที่ประชาธิปไตยพัฒนาแล้ว รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยแท้จริง ไม่มีวันจะทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ และเมื่อเกิดผิดพลาด จะรีบแก้ไขหรือพิจารณาตนเอง ไม่ต้องรอให้ประชาชนออกมาเดินขบวนขับไล่

ในเมื่อระบบการเมืองรัฐสภาไทยล้มเหลว กฏกติกาไม่สามารถคัดกรองนักการเมืองที่สนใจแต่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ชาติ ออกไปจากรัฐสภาได้  ฝ่ายบริหารที่เป็นเผด็จการรัฐสภา มุ่งรับใช้ความต้องการคนตระกูลเดียว โดยไม่ฟังเสียงประชาชน และยังทำลายธรรมาภิบาลของข้าราชการและสังคมไทย ด้วยการชักใยจากคนเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ลงรับเลือกตั้ง สิ่งเหล่านี้ทำให้ประชาชนต้องออกมารับผิดชอบแก้ไขด้วยตัวพวกเขาเอง ด้วยการขับไล่รัฐบาลเผด็จการรัฐสภา ในรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ

นั่นคือการใช้การอารยะขัดขืนต่อกติกาเลือกตั้งเดิมที่ล้มเหลว โดยขอให้มีการใช้ข้อกฏหมายตามรัฐธรรมนูญไทยเพื่อให้เกิดการปฏิรูประบบการเลือกตั้ง เมื่อได้กลไกคัดกรองที่มีประสิทธิภาพแล้ว ก็จะได้เริ่มการเลือกตั้งกันใหม่ที่บริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการเมืองไทยให้บรรลุเป้าหมาย กลายเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเสียที




ขอบคุณ  :  http://www.naewna.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร (บุญใหญ่ อินทปญโญ) วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์