ปี 2557 กองทัพบนปากเหว


              หลังจากหลายฝ่ายเฝ้าจับตาดูท่าทีของกองทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ต่อสถานการณ์การเมือง ซึ่งค่อยๆ พัฒนาไปสู่ความรุนแรงเป็นลำดับ ในที่สุดก็ออกมาเปิดแนวความคิด และสิ่งที่กองทัพได้ทำไปแล้ว และอยากให้เกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง
              ตลอดทั้งปีที่กำลังจะผ่านไปนี้ ทุกก้าวย่างของกองทัพถูกจับตามองจากประชาชนทุกฝ่าย หลายคนยังเห็นภาพของทหารที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนในยามประสบภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ เห็นกำลังพลที่ลงแรงกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เห็นเครื่องจักรขุดลอกคูคลองแล้วเสร็จรวดเร็วราวกับเนรมิตขึ้นมา ต่างจากการจัดซื้อจัดจ้างที่บางครั้งอาจจะเกิน 7 ชาติถึงได้เห็นหน้าเห็นหลัง

              เช่นเดียวกับภาพของกำลังพลที่เข้ากระชับพื้นที่ย่านราชประสงค์เมื่อกลางปี 2553 เพื่อยุติวิกฤติการณ์การเมือง

              บางคนมองว่า การออกมาของกองทัพคือสัญลักษณ์ของอำนาจนอกระบบ แต่เมื่อสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองได้พัฒนาไปถึงขั้นนองเลือด ก็เลือกที่จะอยู่เงียบๆ แล้วเฝ้ามองรถถังที่วิ่งออกมาเพื่อยุติการกระทำของทุกฝ่าย

              ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมที่เพรียกหากำลังหนุนจากกองทัพ เพื่อเพิ่ม "แรงบีบ" ไปยังรัฐบาลให้สิ้นแรงดิ้นรน ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็มีทั้งกฎหมายในมือ และมวลชนที่ฮึ่มๆ ตลอดเวลาว่าพร้อมจะประทะกับทหารหากออกมายึดอำนาจ

              สถานการณ์การเมืองตลอดทั้งปีจึงได้ยินกันอยู่อย่างนั้น โดยมีบางกลุ่มออกมาแสดงความรู้สึกหวาดระแวงทหารว่า จะไม่เลือกเคียงข้างประชาชน ภายหลัง "คลิปถั่งเช่า" ฉาวโฉ่ขึ้นมา

              กองทัพจึงตกอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่า กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ทุกจังหวะที่ก้าวย่างต้องยึดหลัก "ห้ามพลาด" เด็ดขาด

              อย่างไรก็ตาม มักจะมีกระแสข่าวปรากฏออกมาเป็นระยะๆ ว่า ระหว่างแกนนำผู้ชุมนุม กับระดับบิ๊กๆ ในกองทัพนั้น ยังมีการต่อสายปรึกษาหารือกัน

              เช่นเดียวกับฝ่ายรัฐบาล ที่พยายามเดินหมากเพื่อเกาะเกี่ยวสายสัมพันธ์กับกองทัพให้แนบแน่น ดังเช่นคำแนะนำในคลิปถั่งเช่า เป๊ะๆ

              เพราะนอกจากศาลและองค์กรอิสระแล้ว ก็มีแต่กองทัพนี่แหละที่จะอัปเปหิรัฐบาลนี้ออกไปได้

              แต่ถึงแม้จะเสริมสร้างความสัมพันธ์อย่างไร แต่สุดท้ายก็มีช่องให้กองทัพออกมาแสดงบทบาทจนได้ เมื่อเกิดเหตุปะทะกันระหว่างคนเสื้อแดงกับนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง

              แม้จะไม่มีการยืนยันชัดเจนว่า เป็นรัฐบาล หรือกองทัพ เป็นคนเชิญ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มาเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหา

              แต่รายงานข่าวจากกองทัพในช่วงนั้นก็ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ติดต่อกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ให้สั่งการไปยังตำรวจปราบจลาจลหยุดยิงแก๊สน้ำตาใส่นักศึกษา ที่โดนมือปืนยิงจากที่สูงกดหัวจนออกจากมหาวิทยาลัยไม่ได้ พร้อมทั้งบอกว่า เรื่องการเมือง พล.อ.ปรยุทธ์ จะเคลียร์ให้

              การพบปะกันระหว่างแกนนำม็อบราชดำเนินกับนายกรัฐมนตรีจึงเกิดขึ้น โดยมีผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพเป็นพยาน!

              ถึงแม้ว่าการเจรจาไม่เป็นผล แต่ก็ชัดเจนในระดับหนึ่งแล้วว่า เมื่อเหล่าทัพอยากให้ทุกฝ่ายมาคุยกัน ก็ควรต้องมา

              ดังนั้นถ้อยแถลงล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ระบุว่า "ผมพร้อมนำพาชาติและประชาชนไปข้างหน้าให้ได้" จึงไม่อาจละเลย

              เช่นเดียวกับที่บอกว่า "ผมจะไปซ้ายหรือขวาไม่ได้ ผมจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้ซ้ายและขวาหยุดไว้ให้ได้ โดยต้องเปิดไฟแดงไว้ทั้ง 2 ทาง และเราไปทางตรงก่อน เพื่อให้สถานการณ์สงบลง และผ่านชั่วโมงเร่งด่วนนี้ไป"

              ย้ำด้วยว่า สถานการณ์การชุมนุมและการเกิดความรุนแรงทั้งหมด ทหารไม่ได้ละเลย มีการบันทึกภาพเอาไว้ทั้งหมด ซึ่งนั่นก็หมายความว่า "ความจริง" ที่ตำรวจหรือใครก็ตามเอามาพูด/แสดงนั้น จะต้องมีการตรวจสอบจากกองทัพที่ได้บันทึก "ความจริง" เอาไว้ด้วยเช่นกัน และพล.อ.ประยุทธ์ ก็พูดชัดๆ แล้วว่า หลังเหตุการณ์สงบจะต้องมีการ "ชำระความจริง" กันแน่นอน

              สำหรับการปฏิวัติ-รัฐประหาร ถึงแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้บอกว่า จะมีหรือไม่ แต่ก็ชัดเจนกว่าทุกครั้งว่า มีหรือไม่มี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

              หากจับเอาประโยคนี้มาเทียบเคียงกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา จนกองทัพต้องออกโรง นั่นก็หมายความว่า เรากำลังหายใจรด "การปฏิวัติ" กันอยู่ !

              พล.อ.ประยุทธ์ ก็เฉลยแล้วเช่นกันว่า ถ้าสองฝ่ายใช้กำลังสู้กันก็จะไม่มีที่ยืน ดังนั้นจะต้องปราบทั้งสองฝ่าย

              เหตุรุนแรงที่ผู้ชุมนุมปะทะกับตำรวจจนมีผู้เสียชีวิต และเหตุลอบกราดยิงด้วยอาวุธสงครามใส่การ์ดผู้ชุมนุม แม้จะยังไม่ถึงขั้นสูงสุด แต่ก็นับได้ว่า กำลังเดินไปสู่จุดนั้น

              สถานการณ์บ้านเมืองปี 2557 จึงเป็นอีกปีที่ "กองทัพ" จะต้องก้าวย่างบนเส้นด้าย พลาดเมื่อใดความรุนแรงก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น โดยที่วิกฤติการณ์ที่ว่ามีโอกาสที่จะเกิดจากความผิดพลาดของกองทัพด้วยเช่นกัน



ขอบคุณ : http://www.komchadluek.net

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร (บุญใหญ่ อินทปญโญ) วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์