ปีแห่งความวิปริต ทุเรศ อัปยศ

                                                                                                                                                           ปี 2557 ซึ่งกำลังจะมาถึงน่าจะเป็นปีแห่งการเผชิญหน้าทางการเมือง ความวุ่นวาย การปะทะกันด้วยกำลัง ต่อเนื่องจากปีนี้ จะลุกลามกลายเป็นมิคสัญญีหรือสงครามกลางเมืองหรือไม่ ยังเป็นเรื่องคาดการณ์ได้ยาก แต่อย่างน้อยก็เห็นแนวโน้มของสถานการณ์จากสิ่งบอกเหตุก่อนสิ้นปี
       
        เราได้เห็นลีลาท่าทางจุดยืนของบุคคลต่างๆ ในสมการการเมือง รวมทั้งแนวคิด ทำให้สงสัยว่าประเทศไทยยังจะมีสถาบันอะไรเป็นที่ยึดถือ หลังจากอดีต สส. และ สว. ปัจจุบัน และพรรคเพื่อไทยแสดงอย่างชัดเจนด้วยคำประกาศไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และนั่นหมายถึงการไม่ยอมรับอำนาจและการมีอยู่ของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะตัดสินไม่ถูกใจคนชั่ว
       
        เท่ากับว่ารัฐบาลของผู้นำกำมะลอ นางโพยปูโพรกเน่าใน อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ โดยการสนับสนุนอย่างชัดเจนของบรรดาข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ระดับผู้นำองค์กร และระดับอื่นๆ บางส่วน
       
        โดยพฤติกรรมเหยียบย่ำกฎหมายต่อเนื่อง ความเหิมเกริม ผยองในอำนาจ ทำให้รัฐบาลเถื่อน ผู้นำกำมะลอไม่หวั่นพลังประชาชนหลายล้านคนเดินขบวนกลางเมือง 3 ครั้ง และยังใช้ความหน้าด้าน ความเลือดเย็น อำมหิต กำราบปราบปรามประชาชนคนเสียภาษี ไม่แยแสคำประณาม
       
        การยุบสภา เดินหน้าจัดให้มีการเลือกตั้งโดยกุมความได้เปรียบทุกอย่าง มีนักการเมืองสาระเลวนิยมคอร์รัปชั่นเป็นตัวประกอบชูโรง ทำพิธีกรรมแบบซ่อนเร้น ท้าทายต่อการละเมิดกฎหมาย ไม่ใส่ใจว่ากระแสประชาชน ภาคเอกชน ต้องการให้ปฏิรูปการเมืองเสียก่อน
       
        แต่นางโพย ขบวนการขี้ข้าบักเหลี่ยม ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ระดับผู้นำ ไม่สนใจ ประชาชนเดินขบวนเป็นล้านๆ ก็ทำเหมือนมองไม่เห็น ทำเป็นเหมือนนกกระจอกเทศเอาหัวซุกทราย อยู่ไปแต่ละวันด้วยลีลาโวหารสวยหรูดูมีเกียรติภูมิ แต่ประชาชนคนรู้ทันอยากหัวเราะหยามเหยียด
       
        โธ่! ที่แท้ก็เป็นพวกขบวนการตีกิน เหยียบเรือ 2 แคม หลอกกินเงินไอ้เหลี่ยม ทำเป็นเห็นใจประชาชน ประกาศวางตัวเป็นกลาง แต่ความเป็นจริงคือ "ไม่ยืนอยู่ข้างประชาชน"
       
        ประชาชนเห็นซ้ำซากว่าผู้นำกองทัพบางคนยืนอยู่ข้างรัฐบาลเถื่อน ผู้นำกำมะลอไร้ปัญญา เท่ากับว่าเห็นดีเห็นงามกับการทำตัวอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ เหนือกฎหมายของคณะรัฐมนตรีเถื่อน เมื่อถูกตั้งข้อสงสัย ทำเป็นร้องเอะอะโวยหาว่าสื่อหมิ่นศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของกองทัพ ยอมไม่ได้
       
        โฮ่ย! คนรู้กันทั้งเมืองว่า เสียงนินทา หมิ่นแคลนพฤติกรรมน่ารังเกียจ ไร้ค่านั้นเป็นการมุ่งเน้นเฉพาะตัวบุคคล หาใช่เหมารวมทั้งกองทัพไม่ และชาวบ้านยังรู้อีกด้วยว่าผู้นำกองทัพคนไหน ประเภทไหน อยู่แบบตีกิน หลอกประชาชน จมอยู่ในความอัปยศ ลูกน้องรังเกียจ ไม่นับถือ
       
        คำเปรียบเปรยที่ว่า ไม่มีไฟ ไม่มีควัน ไม่มีมูลฝอย หมาไม่ขี้! ยังใช้ได้เสมอ ยิ่งพฤติกรรม คำพูด ลีลา คำร่ำลือทั้งคนวงนอกวงในเล่าขาน ฟ้องให้เห็นชัดด้วยแล้ว ตัวคนที่เดือดร้อนน่าจะยืนหน้ากระจก จ้องตาตัวเองแล้วตอบคำถามว่า "เป็นอย่างที่คนเขาว่าหรือไม่ โดยที่ตัวเองกินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง หลอกคนอื่นก็ไม่ได้ และยิ่งหลอกตัวเองก็ไม่ได้เช่นกัน
       
        เพียงขาดความกล้าหาญยอมรับว่าตนเองได้มีพฤติกรรมอัปยศเท่านั้นเอง! คนทุจริตพยายามซุกซ่อนทรัพย์สินเงินทอง ความมั่งคั่งแฝงเร้น ได้มาโดยมิชอบอย่างไรก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของผู้ให้และผู้รับ! เมื่อยุคนี้ข้าราชการ คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนมีพวกหน้าด้านเยอะ
       
        ยิ่งพวกองค์กรอิสระ วางตัวสูงส่ง ท่ามากลีลาเยอะ เบื้องหลังคนวงในบอกว่าเป็นพวกจอมเขมือบหนักเช่นกัน น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก งาบคำโต หน้าด้านๆ กินได้ถึงรุ่นลูกหลานโน่น
       
        ปี 2556 กำลังจะจบลงด้วยความอัปยศ กกต. ชุดใหม่รับหน้าที่ได้ไม่กี่วันแสดงความกระเหี้ยนกระหือรือ ตอบสนองพวกกระหายอำนาจ กระหายเลือด ใครจะกระหายเงิน อยากร่ำรวยเหมือนรุ่นก่อนๆ ย่อมรู้อยู่แก่ใจเช่นกัน จัดการ เลือกตั้งด้วยมือเปื้อนเลือด สนองตัณหานักการเมืองชั่วร้าย
       
        ทำกันแบบไม่อาย ลักหลับยามวิกาล สมรู้ร่วมคิดไร้ความเป็นกลาง ดันทุรังสารพัด ไม่ฟังเสียงประชาชน เปิดทางให้ตำรวจอำมหิตกระหายเลือดถล่มประชาชนด้วยแก๊สน้ำตา น้ำพิษ กระสุนยาง
       
        คราวนี้เล่นงานด้วยกระสุนจริงหน้าเวทีสำหรับการเมืองสามานย์ ประชาชนถูกตำรวจทำร้าย ยิงบาดเจ็บกว่า 30 คน ที่สำคัญผู้สื่อข่าวจีน 2 คน ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น 1 คน ถูกยิงด้วยกระสุนจริง แต่ ศอรส. ของไอ้ไส้อั่วหัวเหม่งแหล แถ อย่างหน้าด้านๆ ว่าเป็นฝีมือของมือที่ 3
       
        ชาวบ้านร้องถาม "บิดาของพวกเอ็งมี 3 มือหรือ?" มือพิเศษรับจ้างฆ่า ทำร้ายประชาชน!
       
        กกต. แถลงว่าเสียใจ แต่น้ำเสียงไม่ได้ส่อว่าเสียใจ ส่วนจะได้อะไรตามข้อ กล่าวหา เป็นผลงานต่างตอบแทนหรือไม่ แล้วแต่จินตนาการของแต่ละคนตามพฤติกรรมน่าสงสัย เรื่องพรรค์อย่างนี้เป็นอย่างที่เขาว่า "เห็นว่าเป็นคน รู้จักหน้าไม่รู้จักใจ" เห็นไอ้ริดกินทุกอย่างเป็นกรณีศึกษา         
        เมื่อ กกต. มือเปื้อนเลือด นางโพยปูโพรกเน่าในก็สะสมแต้มความเกลียดชังของประชาชน กลายเป็นสตรีไทยที่คนเกลียดชังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เดินถนน กลับบ้านก็ไม่ได้ จะใช้ชีวิตอย่างไร น่าสมเพชแค่ไหน เป็นเรื่องอนาคต! ซ้ำร้ายจะอยู่เมืองไทยไม่ได้เหมือนบักเหลี่ยมหรือไม่
       
        เมื่อสร้างความแค้นให้ประชนเพื่อรักษาอำนาจชั่วร้ายเพื่อโกงบ้านกินเมือง ประชาชนต้องสู้สุดกำลัง ไม่หวังพึ่งนายทหารถั่งเช่าตีกิน เป็นที่เข้าใจดีว่าข้าราชการไม่สนับสนุนการปฏิรูปเพราะยังชอบการโกงกิน การจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีเงินไต้ คอมมิชชั่นโดยไม่มีใครกล้าตรวจสอบ
       
        ขอให้ผยองกับอำนาจจนถึงวันเกษียณอายุก็แล้วกัน ประชาชนรอคิดบัญชีแค้นต่อผู้ทรยศต่อชาติ ไม่แยแสต่อสถาบันหลัก ลืมคำปฏิญาณ กล่าวออกไปเหมือนการตดทางปาก!
       
        การเผชิญหน้า การปะทะที่ศูนย์กีฬาเป็นเพียงอีกฉากหนึ่งของความกระหายเลือดของตำรวจ จากนี้ไปการเป็นปฏิปักษ์จะเข้มข้นกว่าเดิม การปฏิวัติทุกแห่งย่อมมีการสูญเสีย มีศพ กองเลือด หยดน้ำตา ยังไม่จบ ผู้ชนะขั้นสุดท้ายต้องเป็นประชาชนเท่านั้น ไม่มีทางเลือก!
       
        ยังไม่มีทรราชหน้าไหนรอดจากเงื้อมมือของประชาชน ไม่ช้าก็เร็วเท่านั้น!


ขอบคุณ  :  http://www.manager.co.th

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

ต่อหัวเสือ...ไม่ร้ายอย่างเสือ