สธ.เตือนนักท่องป่านอนเต็นท์ระวัง "ไรอ่อน" กัดในร่มผ้าติดโรคสครับ ไทฟัส

                    


นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงฤดูหนาว ประชาชนมักนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น สูดอากาศและชมความงามธรรมชาติจำนวนมาก เรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นห่วงและต้องเน้นย้ำให้ประชาชนที่ชื่นชอบการเที่ยวป่าก็คือ การระมัดระวังตัวไรอ่อน (chigger) กัด ซึ่งมักเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไรชนิดนี้ทำให้เกิดโรคเรียกว่าโรคสครับไทฟัส (Scrub typhus) หรือไข้รากสาดใหญ่ โดยตัวไรอ่อนจะอาศัยอยู่ในขนของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู กระแต กระจ้อน เมื่อกัดคนจะปล่อยเชื้อที่เรียกว่า ริกเก็ตเซีย (Rickettsia) เข้าสู่คน อวัยวะที่ตัวไรอ่อนมักจะเข้าไปกัดคือในบริเวณร่มผ้า เช่น อวัยวะสืบพันธุ์ ขาหนีบ เอว ลำตัวบริเวณใต้ราวนม รักแร้ มักพบมากในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว

หลังถูกกัดประมาณ 10-12 วัน จะมีอาการป่วยคือ มีไข้สูง ตัวร้อนจัด หนาวสั่น ปวดศีรษะบริเวณขมับและหน้าผากอย่างรุนแรง อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดกระบอกตา มีอาการไอแห้งๆ ผู้ป่วยร้อยละ 30-40 จะพบแผลคล้ายถูกบุหรี่จี้ (eschar) ที่บริเวณที่ถูกไรอ่อนกัด ลักษณะมีสีแดงคล้ำเป็นรอยบุ๋ม ไม่คันซึ่งถือว่าเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 20 อาจมีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ อาจเสียชีวิตได้ โดยพื้นที่ที่พบผู้ป่วยโรคสครับไทฟัสมากที่สุดได้แก่ ภาคเหนือ รองลงมาคือภาคตะวันอกเฉียงเหนือ

ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่มียารักษาให้หายได้ ดังนั้น ในการป้องกันโรคนี้ ขอแนะนำให้ประชาชนที่จะไปท่องเที่ยวตั้งแค้มป์ไฟ กางเต๊นท์นอนในป่า ควรทำบริเวณค่ายพักให้โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่งและนอนบนพื้นหญ้า บริเวณพุ่มไม้ ป่าละเมาะ แต่งกายให้มิดชิด ควรใส่รองเท้า สวมถุงเท้าหุ้มปลายขากางเกง ใส่เสื้อแขนยาวปิดคอ และเหน็บชายเสื้อเข้าในกางเกง ทายาป้องกันแมลงกัดตามแขนขา การทาครั้งหนึ่งจะออกฤทธิ์ป้องกันได้นาน 4 ชั่วโมง และให้รีบอาบน้ำให้สะอาดหลังออกจากป่า ซักเสื้อผ้าที่สวมใส่ซักให้สะอาดทันที เพราะตัวไรอาจติดมากับเสื้อผ้าได้

นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตัวไรอ่อนมีขนาดเท่าปลายเข็มหมุด มีสีส้มอมแดง มองเห็นด้วยตาเปล่า อาศัยอยู่ตามพื้นดินบริเวณที่ชุ่มชื้น มีใบไม้ ใบหญ้า ปกคลุม ไรอ่อนจะต้องกินน้ำเลี้ยงเซลล์ของสัตว์หรือคน จึงจะเจริญเติบโตเป็นไรแก่ ในปี 2556 นี้ ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม ทั่วประเทศมีรายงานผู้ป่วยโรคสครับไทฟัส จำนวน 9,729 ราย เสียชีวิต 7 ราย ภาคเหนือมีผู้ป่วยมากที่สุด จำนวน 5,229 รายส่วนใหญ่มักจะเป็นจังหวัดที่มีป่าเขา รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3,121 ราย ภาคใต้ 1,204 ราย และภาคกลาง 175 ราย ผู้ป่วยเกือบร้อยละ 90 อาศัยในเขตชนบท ทั้งนี้หากหลังกลับจากเที่ยวป่าหรือกางเต๊นท์นอนตามพื้นหญ้าในช่วงฤดูหนาว ภายใน 2 สัปดาห์ หากมีอาการป่วย คือมีไข้ขึ้นสูง ปวดศีรษะ และมีรอยแผลที่ผิวหนังคล้ายถูกบุหรี่จี้ ขอให้คิดถึงโรคนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติการเข้าไปในป่าให้แพทย์ทราบทันทีด้วย เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว เพื่อป้องกันการเสียชีวิต



ขอบคุณ  :  http://www.naewna.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร (บุญใหญ่ อินทปญโญ) วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์