ถามกองทัพว่าจะเลือกข้างใคร
เครื่องหมายราชการกองบัญชาการกองทัพไทย
การออกมาชุมนุมเพื่อขับไล่ระบอบทักษิณของมวลมหาประชาชนเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมนั้นต้องนับว่า เป็นการออกมาชุมนุมที่มากที่สุดของประชาชนชาวไทยตั้งแต่มีประเทศนี้มา ไม่ต้องเถียงกันหรอกว่ากี่แสนคนหรือกี่ล้านคน อาจจะพูดได้ว่ามากที่สุดตั้งแต่เคยเห็นภาพข่าวการชุมนุมทั่วโลกก็ว่าได้
มันบ่งบอกชัดเจนว่า ประเทศนี้มีคนเกลียดตระกูลชินวัตรมากมายขนาดไหน
แต่ปริมาณก็ไม่อาจสะท้อนถึงผลลัพธ์ที่ออกมา เพราะจนถึงตอนนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้จะยุบสภาไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ตอบสนองข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมนับล้านที่บอกแล้วว่าไม่ต้องการแค่การยุบสภา แต่ต้องการให้นายกฯ และรัฐมนตรีทั้งคณะลาออกจากการรักษาการทั้งหมด
ผมจึงยังมองไม่เห็นชัยชนะของฝ่ายมวลมหาประชาชน ซึ่งอาจจะแตกต่างกับความคิดของกำนันสุเทพที่แสดงออกราวกับว่า ขณะนี้ฝ่ายมวลมหาประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจรัฐและเป็นผู้ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ไปแล้ว
เพราะดูเหมือนว่า จำนวนมวลมหาประชาชนที่ออกมาไม่สามารถสะกิดต่อมสำนึกของรัฐบาลชุดนี้ได้เลย
การแสดงออกของกำนันสุเทพอาจแสดงความฮึกเหิมให้กับมวลมหาประชาชนที่ออกมาร่วมชุมนุม แต่ผมเป็นห่วงว่า อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ที่กำนันสุเทพเชื่อว่าฝ่ายของตัวเองเป็นผู้ยึดกุมอยู่นั้น เอาเข้าจริงแล้วมันเป็นเพียงมายาภาพที่สร้างขึ้นมาเพียงเพื่อปลอบประโลมตัวเองเท่านั้น
ที่สำคัญไม่มีใครเขาฟังคำสั่งของคณะ กปปส.ไม่มีประเทศไหนที่ออกมารับรองว่า ขณะนี้อำนาจรัฐตกอยู่ในมือของ กปปส.แล้ว
ผมคิดว่า การประกาศนัดหมายเพื่อเข้าพบ ผบ.สูงสุด ผบ.เหล่าทัพ และผบ.ตร.ของคณะ กปปส.นั่นแหละที่เป็นตัวทดสอบอย่างดีว่า คณะ กปปส.นั้นมีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์อยู่ในมือหรือไม่
ทหารเลือกข้างประชาชนหรือระบอบทักษิณ
เพราะการปฏิเสธออกมาของเหล่าขุนทหารนั้นมันเป็นคำตอบชัดเจนว่า วันนี้พวกเขายังยืนข้างรัฐบาลยิ่งลักษณ์และระบอบทักษิณ การบอกว่า ยืนข้างประเทศไทยก่อนหน้านี้นั้นเป็นคำพูดที่รักษาน้ำใจของฝ่ายประชาชนเท่านั้นเอง
พวกทหารยังเชื่อว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรม และเป็นผู้ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ที่แท้จริง
ตรงนี้แหละที่เป็นคำตอบว่า อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ของ กปปส.นั้นยังเป็นเรื่องเพ้อฝัน แม้ผมไม่อยากทำร้ายจิตใจของมวลมหาประชาชนที่กำลังคาดหวังต่อตัวกำนันสุเทพ และผมเองก็อยากให้ฝ่ายกำนันสุเทพชนะ ในฐานะที่พวกเราต่อสู้กับระบอบทักษิณมาก่อนเนิ่นนาน ผมรู้ดีว่า ถ้ากำนันสุเทพพ่ายแพ้พวกเราก็พ่ายแพ้ด้วย ถ้ามวลมหาประชาชนออกมามากมายขนาดนี้แล้วยังเอาชนะระบอบทักษิณไม่ได้ พวกเราก็เตรียมตัวเป็นทาสของตระกูลชินวัตรไปตลอดชีวิตได้เลย
เพียงแต่ผมไม่อยากให้เราหลอกตัวเองว่าชนะแล้ว
บอกตรงๆ นะครับว่า ภาพของกำนันสุเทพนั่งอ่านแถลงการณ์เหมือนคณะปฏิวัตินั้น มันเป็นภาพที่ขมขื่นมากกว่าเป็นภาพที่ชวนให้ฮึกเหิม เพราะมันกลายเป็นเพียงการปฏิวัติบนกระดาษที่สูญเปล่า
เพราะในความเป็นจริงพวกเรายังไม่ได้รับชัยชนะครับ ไม่มีใครที่ไหนเขาฟังคำสั่งจากกำนันสุเทพหรอกครับ
ผมไม่รู้นะครับว่า กำนันสุเทพและเหล่าคนแวดล้อมจะทำอย่างไรต่อไปหลังถูกปฏิเสธจากขุนทหารและตำรวจที่ดูแลด้านความมั่นคง แต่น่าจะทำให้กำนันสุเทพและพวกฉุกคิดได้ว่า ถึงตอนนี้ฝ่ายมวลมหาประชาชนยังไม่ได้รับชัยชนะที่แท้จริง
และสะท้อนว่า ถึงตอนนี้อำนาจรัฐยังไม่ได้ถูกโอนมาอยู่กับกำนันสุเทพครับ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้ใส่ใจต่อจำนวนตัวเลขนับล้านๆ ของมวลมหาประชาชนที่ออกมาเพื่อขับไล่รัฐบาลตัวเองและระบอบทักษิณ และยังเชื่อมั่นว่า ตัวเองมาจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเสียงข้างมาก
กำนันสุเทพต้องนำพามวลมหาประชาชนออกมาต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะที่แท้จริง
แม้ว่าตอนนี้ฝ่ายเราจะเชื่อว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้นหมดความชอบธรรมเป็นรัฐบาลนอกกฎหมายไปแล้วตั้งแต่ออกมาปฏิเสธอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ในความเป็นจริงอำนาจรัฐยังอยู่ในมือของยิ่งลักษณ์ ถึงวันนี้ยิ่งลักษณ์ยังคงสั่งราชการได้ รวมถึงสั่งขุนทหารและ ผบ.ตร.ซึ่งเป็นฝ่ายความมั่นคงได้ด้วย
กองทัพไม่ได้เป็นกลางอย่างแท้จริง แต่ยืนอยู่ข้างฝ่ายที่เขาเชื่อว่ามีอำนาจรัฐที่แท้จริง
ตลกดีนะครับ รัฐบาลชุดนี้พยายามที่จะอ้างรัฐธรรมนูญเพื่อยืนยันว่า ไม่มีทางเลือกอื่นหลังการยุบสภานอกจากรัฐบาลชุดนี้จะต้องรักษาการไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลชุดใหม่ แต่ไม่กี่วันก่อนพรรคเพื่อไทยเพิ่งจะปฏิเสธการยอมรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นองค์กรภายใต้รัฐธรรมนูญ ที่รัฐธรรมนูญเขียนว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นเด็ดขาดและมีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ
การประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าจะทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลชุดนี้ไปหมดแล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันนะครับกองทัพซึ่งเป็นผู้ถือดุลอำนาจที่แท้จริง ยังให้การรับรองรัฐบาลชุดนี้อยู่ได้อย่างไร
และนี่เป็นคำตอบว่า ฝ่ายประชาชนยังไม่ชนะ
ภาระหนักของกำนันสุเทพตอนนี้ก็คือจะทำอย่างไรที่จะทำให้ประชาชนที่ออกมาร่วมต่อสู้ยืนหยัดต่อไปอย่างไม่เหนื่อยล้า และมีแรงขับเคลื่อนไหนอีกบ้างที่จะทำให้มวลมหาประชาชนออกมาเหมือนวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา
พูดตรงๆ ก็คือ จะมีมุกไหนอีกที่จะดึงประชาชนให้ออกมาพร้อมๆ กัน และครั้งหน้าจะต้องออกมามากกว่าวันที่ 9 ธันวาคม แม้จำนวนมวลมหาประชาชนจะไม่สามารถสะกิดต่อมสำนึกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่อย่างน้อยก็น่าจะสะกิดต่อมสำนึกของบรรดาขุนทหารได้ว่า พวกเขาควรจะเลือกยืนข้างใคร
ดูเหมือนว่าที่ผ่านมา กำนันสุเทพจะเป็นฝ่ายที่เกรงใจทหารมาก และแสดงออกตลอดมาให้เข้าใจว่า ตัวกำนันนั้นมีการพูดคุยกับฝ่ายทหารตลอดเวลา แต่คำตอบของวันนี้คงชัดเจนแล้วว่า ฝ่ายทหารและตำรวจนั้นเขาเลือกยืนข้างระบอบทักษิณไม่ใช่ประเทศไทยหรือประชาชน ผมคิดว่า น่าจะถึงเวลาแล้วที่กำนันสุเทพจะลดความเกรงใจและพุ่งเป้ากดดันไปที่เหล่าทหารบ้างว่าพวกเขาจะเปลี่ยนใจมายืนข้างประชาชนหรือไม่
ไม่มีประโยชน์แล้วที่จะไปกดดันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ดื้อด้านมึนชา พุ่งเป้าไปที่กองทัพเลยดีกว่า ต้องยอมรับว่าฝ่ายที่จะชี้ทิศทางวิกฤตของบ้านเมืองคือ กองทัพไม่ใช่รัฐบาล
ถามกองทัพตรงๆ ว่าจะเลือกยืนข้างระบอบทักษิณหรือว่าประชาชน
ขอบคุณ : http://www.manager.co.th
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น