วิธีการออมเงิน เก็บเงินอย่างไรที่ทำได้จริงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

เรื่องเงินทองสมัยนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร บางครอบครัวถึงกับต้องมีจุดจบแยกทางกันไปก็เพราะเงิน จากมิตรสหายต้องกลายเป็นศัตรู เราทุกคนต้องออกไปทำงานกันจากเช้าจนเย็นก็เพราะต้องการเงินมาใช้จ่ายแลกเปลี่ยนเป็นอาหาร สิ่งของ เครื่องนุ่งห่มเพื่อดำรงชีพ ปัจจุบันเงินนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญมากต่อการดำรงชีพของเรา ถามว่าทุกวันนี้มีใครบ้างทำงานโดยไม่มีค่าเหนื่อยตอบแทน คนเราทำงานก็เพื่อเงินกันทั้งนั้น นี้คือเรื่องจริงของคนส่วนใหญ่

              วิธีการออมเงิน ด้วยการฝากเงินไว้กับธนาคาร

ในเมื่อเงินมีความสำคัญต่อการดำรงชีพของเรา จะทำอย่างไรให้เรามีเงินอยู่กับตัวเราเองให้มากที่สุด เรื่องจริงที่หนีกันไม่พ้นก็คือเรื่องหนี้สิน พนักงานเงินเดือนหรือรายวัน คนส่วนใหญ่ในประเทศไทยเป็นหนี้กันหมดค่ะ อยู่ที่ใครจะเป็นมากหรือเป็นน้อย เท่าที่เจอปัญหานี้มาคือไม่มีเงินเก็บเลยตอนทำงานพอไม่มีเงินเก็บแล้วมีเหตุจำเป็นที่ต้องการใช้จ่ายเงิน พอไม่มีก็ต้องไปกู้หนี้เขามาก่อน  ดังนั้นวันนี้เว็บไทยอาชีพจะพาทุกท่านมาเก็บเงิน ออมเงินกัน

จุดเริ่มต้นของการออมเงิน

การออมเงิน เริ่มแรกต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อนเลย ฝันว่ามีเงินเก็บเยอะๆ แต่ผลัดวันประกันพรุ่งที่จะลงมือทำอย่างนี้เราก็ไม่มีเงินเก็บซักบาท เปลี่ยนจากฝันมาเป็นลงมือทำเดียวนี้เลยเพียงเก็บเงินเล็กๆ น้อยๆ สะสมกันวันละ 5 บาท 10 บาทต่อเดือนทำให้เราสามารถมีเงินเก็บเพื่อใช้จ่ายค่าน้ำค่าไฟได้แล้ว การเก็บเงินหรือการออมเงินเราต้องรู้ และมีเป้าหมายด้วยว่าเราต้องการออมเงินไปเพื่ออะไร สามารถแบ่งประเภทของการออมเงินได้ดังนี้

                               การออมเงินด้วยความพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย

1.ออมเงินเพื่ออนาคตอันใกล้
  • ออมเพื่อใช้จ่ายหนี้สินที่มีของแต่ละเดือน
  • เพื่อนำเงินที่ออมไปใช่จ่ายในครอบครัว
  • ออมเงินเพื่อต้องการซื้อสิ่งของ
  • ออมเงินสำรองเพื่อจ่ายค่ารักษาตัวยามป่วยไข้
2.ออมเงินเพื่ออนาคตระยะยาว
  • ใช้จ่ายในยามเกษียณอายุ
  • เพื่อความมั่นคงของครอบครัว
  • เป็นมรดกให้ลูกหลาน
  • ใช้ในการลงทุนต่อยอดเงินออมให้เพิ่มขึ้น 

วิธีออมเงินด้วยเศรษฐกิจพอเพียง

ความพอเพียง มีความหมายว่า ไม่ฟุ่มเฟือย ประหยัด  รู้จักคิด รู้จักใช้จ่ายอย่างมีสติ ถ้าหากเราไม่มีความพอเพียงอาจก่อเกิดผลเสียตามมาด้วย ตัวอย่างเช่น อยากได้มือถือรุ่นใหม่ๆ ตามเพื่อนๆ แต่ตนเองนั้นทำงานเงินเดือนทั้งเดือนยังซื้อไม่ได้ ก็เลยหันไปกู้ยืมเงินมาซื้อ

สุดท้ายตัวเองเป็นหนี้ต้องนำเงินส่วนหนึ่งจากเงินเดือนมาใช้หนี้ตามระยะเวลาที่กำหนด แทนที่จะแบ่งเงินส่วนที่จ่ายไปนั้นเป็นเงินเก็บกลับใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย

หากมีความจำเป็นเกิดขึ้น มีความต้องการใช้เงินด่วน พอไม่มีเงินเก็บก็หันไปกู้หนี้มาอีก ชีวิตทั้งชีวิตคงต้องใช้หนี้อย่างเดียว เอาหละเดี๋ยวเรามาเข้าเรื่องการออมเงินตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงกันดีกว่า

         สร้างวินัยรักการออม การสร้างวินัยในการออมควรเริ่มต้นที่ตัวเรา


ไม่ฟุ่มเฟือย สิ่งไหนที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันก็ควรลดไปบ้าง ส่วนหนึ่งจะได้มีเงินเหลือเก็บออม ผู้หญิงอย่างเราๆ ดิฉันเข้าใจดีค่ะว่าเรื่องการแต่ตัว รองเท้า ทรงผม กระเป๋า มันเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้จริงๆ

เพราะเราอยู่ในสังคม มีเพื่อนที่ทำงานเห็นเพื่อนมีอะไรก็อยากมีตามเพื่อนไปด้วย แต่ส่วนไหนที่ไม่จำเป็นจริงๆ ถ้าอยากมีเงินเก็บเยอะๆ ให้ ข่มใจเอาไว้บ้าง

ประหยัด รู้จักคิดรู้จักใช้จ่ายอย่างมีสติ อย่างเช่น เลือกซื้อสินค้าลดราคาตามโปรโมชั่นจากทางร้าน ที่เห็นบ่อยๆ ที่สุดเลยตามศูนย์การค้าต่างๆ มักจัดโปรโมชั่นลด 5 – 70 % กันทุกๆ เดือนอยู่แล้ว ดิฉันคนหนึ่งที่ชอบซื้อสินค้าลดราคาทุกครั้งที่มีโอกาสและจำเป็นต้องใช้

สร้างวินัยรักการออม การสร้างวินัยในการออมควรเริ่มต้นที่ตัวเรา และคนในครอบครัวเราด้วย สำหรับท่านใดมีลูกหลานควรสร้างวินัยรักการออมให้ลูกหลานท่านมากๆ ก่อนอื่นผู้เป็นพ่อแม่หรือผู้ปกครองควรทำตัวอย่างให้เห็นเสียก่อน โดยอาจจะเริ่มต้นที่ไปซื้อกระปุกออมสินมา พ่อแม่ 1 กระปุก ลูกๆ อีกคนละ 1 กระปุก แล้วชักชวนให้หยอดเงินใส่กระปุกทุกๆ วัน

แต่ที่สำคัญผู้ปกครองควรสร้างแรงบันดาลใจในการออม โดยพาลูกนำเงินไปฝากกับธนาคารทุกครั้งที่มีการนำเงินไปฝากให้ผู้ปกครองเพิ่มเงินฝากจากเงินออมนั้นๆ เป็นสองเท่าเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ในการเก็บเงินต่อไป 

สมการออมเงิน

หากต้องการเพื่มจำนวนเงินออม ทำอย่างไรให้เป็นคนเก็บเงินได้ มีสมการง่ายๆ มาบอก ใครๆ ก็สามารถทำได้ ดังนี้
                                  รายรับ – รายจ่าย      =       เงินออม

ตัวอย่าง คุณมีรายได้จากเงินเดือนเป็นเงิน 15,000 บาท/เดือน แต่คุณมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนทั้งหมดรวมทุกสิ่งอย่าง อาทิเช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ เป็นเงินจำนวน 1,3000 บาท/เดือน

                                  สมการ = รายรับ – รายจ่าย = เงินออม
                                  ดั้งนั้น
                                      1,5000 – 1,3000    =      เงินออม
                                      1,5000 – 1,3000    =      2,000      บาท

หากคุณต้องการเพิ่มจำนวนเงินออมให้มากขึ้นมีอยู่สองวิธีด้วยกันคือ

                                  1.  หารายได้มาเพิ่ม ↑
                        2.  ลดค่าใช้จ่าย ↓

                                  สมการที่ได้ดังนี้
                                  รายรับ ↑ - รายจ่าย        =      เงินออม ↑
                                  รายรับ – รายจ่าย ↓       =      เงินออม ↑
 
แง่คิดเพิ่มเติม
ตามหลักแล้วเงินจะมีมูลค่าลดลงเรื่อยๆ ท่านที่เรียนเกี่ยวกับเรื่องการเงินมาน่าจะพอรู้เรื่องนี้ แต่เชือได้เลยว่า ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ทราบมาก่อน อาจจะพอรู้แต่ยังเข้าใจตรงจุดนี้ หากมองย้อนกลับไปในอดีตสมัยรุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย เงินเพียง 1 บาท สามารถซื้อ สินค้า ขนม อาหารมารับประทานได้ แต่ในปัจจุบันข้าวหนึ่งจาน ราคาถูกสุดก็ประมาณ 25 บาท ไม่รู้ว่ายังมีขายราคานี้อยู่หรือป่าว ในเมื่อเรารู้แล้วว่าเงินนับวันมันก็ยิ่งมีมูลค่าลดลงไปเรื่อยๆ ก็แสดงว่าเงินที่เราออมมานั้นมีมูลค่าลดลงตามไปด้วย อย่างนี้ต้องทำอย่างไรดี
หนทางที่จะทำให้เงินมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เราต้องเปลี่ยนจากเงินออมเป็นทรัพย์สินที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้ หรือนำเงินออมไปลงทุน อาทิเช่น ซื้อกองทุน,ซื้อหุ้น,ซื้อประกันแบบออมเงิน หรือจะซื้อที่ดินเก็บเอาไว้ก็ดี   แต่การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีและรอบครอบก่อนตัดสินใจเสมอ



ขอบคุณ  :  http://www.thaiarcheep.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร (บุญใหญ่ อินทปญโญ) วัดเจดีย์คีรีวิหาร อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อกล่อม พรมสโร วัดป่ากะพี้ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

หลวงพ่อฮวบ วัดสามัคยาราม ต.บ้านด่าน อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์